กรรณิมา คินิมาน เจ้าของร้านอบร่อย เล่าย้อนกลับไปถึงช่วงชีวิตก่อนหน้ามาธุรกิจนี้ว่า หลังจากที่เรียนจบ ปวช. เธอก็สมัครไปทำงานเป็นเซลล์ขายเครื่องกรองน้ำเครื่องดูดฝุ่น ซึ่งนับว่าเป็นงานที่หนักพอสมควรสำหรับหญิงสาวในวัย 20 ปี ที่ต้องใส่ส้นสูงเดินแบกเครื่องดูดฝุ่นหนักกว่า 10 กก.ตะเวนขายตามบ้าน มีทั้งโดยไล่โดยด่าสารพัด จนเธอต้องไปแอบร้องไห้อยู่บ่อยครั้ง แต่ประสบการณ์ครั้งนั้นก็ได้สอนเธอหลายๆ อย่าง ทั้งเรื่องของความอดทนว่า การขายของต้องยอมรับในคำติชม และการต่อว่าของลูกค้าให้ได้
จากเซลล์ขายเครื่องกรองน้ำ ไต่ไปสู่การเป็นเซลล์ขายบ้าน ขายน้ำยาเคมี จนไปถึงทำงานด้านการตลาดให้กับโรงพยาบาล กรรณิมาในวัย 26 ปี ก็ตัดสินใจลาออกเพื่อมาธุรกิจของตัวเอง เพราะมองว่าถ้ายังคงเป็นลูกจ้างต่อไปโอกาสที่จะรวยมีเงินหลายสินล้านคงเป็นไปได้ยาก ด้วยความที่กรรณิมา เป็นคนที่ชอบทานอาหารทะเล ชอบทำกับข้าวอยู่แล้ว จึงมีความคิดอยากเปิดร้านอาหารเล็กๆ ริมถนนขายราคาไม่แพง แต่คุณภาพเทียบเท่าภัตตาคาร เธอเริ่มต้นธุรกิจนี้ ด้วยการตะเวนกินตามร้านซีฟู้ดเจ้าดังทั่วกรุงเทพฯ เพื่อที่จะหาจุดเด่นจุดด้อยแต่ละร้าน แล้วนำมาประยุกต์ใช้พร้อมคิดสูตรอาหารให้แตกต่างไปจากเจ้าเดิมที่มีอยู่ พร้อมกันนั้น เธอก็ได้ลงไปสำรวจทำเลที่จะไปเปิดร้าน ด้วยการไปนั่งดูตั้งแต่เช้าจนค่ำ สังเกตว่า มีคนสัญจรเยอะช่วงเวลาไหน คนแถวนั้นมีกำลังซื้อมากเพียงใด จนไปได้ที่ถนนศรีวรา ย่านทาวน์อินทาวน์ ซึ่งในย่านนั้นยังไม่มีร้านอาหารซีฟู้ดเปิดอยู่ ทำให้ไม่มีคู่แข่ง
ช่วงก่อนเปิดร้านกรรณิมา ได้ทดลองทำกุ้งอบวุ้นเส้นให้เพื่อนบ้านได้ลองทาน เพื่อฟังคำติชม แล้วนำมาปรับปรุงสูตร แต่ความยากของการเปิดร้านอาหารไม่ใช่เรื่องความอร่อย ยังมีเรื่องของการหาวัตถุดิบอีกด้วย
“เราออกจากบ้านไปถึงมหาชัยตั้งแต่ตี 2 ช่วงแรกโดนร้านเจ้าใหญ่ๆ ซื้อตัดหน้าไปก่อน พอเราจะไปขอซื้อต่อ เขามองหัวจรดเท้าแล้วไม่สนใจ จนต้องไปยกมือไหว้ถามเด็กเข็นของว่าจะหาซื้อตามร้านขายปลีกได้ที่ไหนบ้าง ส่วนที่ต้องไปซื้อถึงมหาชัย ก็เพราะอยากได้ของที่สดใหม่ ได้กุ้งตามขนาดที่ต้องการเพื่อคุณภาพของอาหาร” กรรณิมากล่าวเสริม กรรณิมา เริ่มเปิดครั้งแรกเมื่อช่วงปลายปีพ.ศ.2539 เป็นร้านรถเข็นกับโต๊ะอีก 4 ตัว วันแรกที่เปิดขายแทบไม่มีลูกค้า เพราะคนแถวนั้นยังไม่รู้จัก มีของสดเหลือทำให้ต้องทิ้งทุกวัน ซึ่งเป็นอยู่อย่างนั้นร่วม 6 เดือน กว่าร้านจะเริ่มเข้าที่เข้าทาง มีคนมาทานอย่างต่อเนื่อง ไม่มีของเหลือทิ้ง “ช่วง 6 เดือนแรก ไม่เคยคิดที่จะกักตุนของสดไว้ใช้หลายวัน เพราะถ้าทำอยากนั้น มันจะส่งผลเสียต่อร้านระยะยาว เรายังเชื่อมั่นในความสดของเรา ถ้าร้านซื่อสัตย์ต่อลูกค้า ยังคงขายของดีให้เขาได้ทานทุกวัน วันหนึ่งมันต้องประสบความสำเร็จ” กรรณิมา เปิดร้านรถเข็นอยู่กว่า 2 ปี มีเงินเก็บกว่า 5 แสนบาท จึงได้ขยายร้านไปอยู่ในตึกแถว เพื่อรองรับลูกค้าที่มีจำนวนมากขึ้น แต่ก็ยังไม่เพียงพอแต่ความต้องการของลูกค้า จนต้องขยายร้านอีกครั้งเป็นร้านเดี่ยวที่มีโต๊ะที่นั่งกว่า 100 ตัว ตั้งแต่ปี 2545 จนถึงปัจจุบัน จุดเด่นของเมนูกุ้งอบวุ้นเส้น ที่นับว่าเป็นพระเอกของร้านอบอร่อยนี้คือ สูตรลับเฉพาะที่อร่อยไม่เหมือนใคร ใช้กุ้งที่ได้ขนาดเหมาะแก่การอบ วัตถุดิบอื่นๆ ก็คัดมาจากแหล่งขึ้นชื่อของแต่ละชนิดเท่านั้น กรรณิมา ยังเผยต่ออีกว่า อาหารทะเลของทางร้านจะรับจากเรือเล็กเท่านั้น เพราะจะไม่มีการแช่แข็งของสดเหมือนเรือใหญ่ ที่เมื่อนำมาทำแล้วรสชาติจากความสดก็จะหายไป นอกจากกุ้งอบวุ้นเส้นแล้ว ร้านยังมีเมนูเด็ดอื่นๆ อีกมากมาย อาทิ ปลาสำลีเผา ปลากะพงทอดน้ำปลา ต้มยำทะเลรวมมิตรน้ำข้น ปลาสำลี 3 รส และข้าวผัดปู เป็นต้น ราคาแต่ละเมนูก็จะอยู่ราวๆ 100 บาทขึ้นไป ปัจจุบันร้านอบอร่อย มีอยู่ 2 สาขา คือ ที่ ถ.ศรีวรา เยื้องโรงแรมทาวน์อินทาวน์ และที่ถนนหาดจอมเทียน เมืองพัทยา จ.ชลบุรี โดยทั้ง 2 แห่งมียอดขายรวมกันได้มากกว่า 100 ล้านบาทต่อปี สำหรับคนที่อยากจะเปิดร้านอาหาร เราเชื่อว่าทุกคนทำได้ เพราะแต่ละคนมีความสามารถด้วยกันทั้งนั้น เพียงแต่ต้องดึงศักยภาพของตัวเองออกมาใช้ให้เต็มที่ แล้วลงมือทำให้สุดกำลัง และเวลาเจอปัญหาก็ค่อยๆ แก้ไข ด้วยสติ แล้วทุกอย่างจะดำเนินไปด้วยดี” กรรณิมา กล่าวทิ้งท้าย ภาพจาก www.facebook.com/obaroiseafood