“ธนาวัฒน์ โพธิ์เผื่อนน้อย” ทายาทธุรกิจรุ่นที่ 2 ของน้ำพริกรุ่งเจริญ เล่าว่า เขามารับช่วงต่อธุรกิจเมื่อกสิบกว่าปีแล้ว โดยครอบครัวทำน้ำพริกขายปลีกที่ตลาดสำโรงมานานกว่า 20 ปี โดยขายแบบมัดถุง ก่อนที่เขาจะเข้ามาปรับเปลี่ยนทำใส่กระปุกแล้วขายส่งตามร้านต่างๆ เพื่อขยายตลาดให้กว้างแต่ด้วยความที่มีเจ้าดังเจ้าอื่นครองตลาดอยู่แล้ว ทำให้เมื่อไปขอฝากขายร้านไหนก็ถูกปฏิเสธแทบทั้งหมด
“น้ำพริกกระปุกแบบนี้ในร้านก็มี แถมเป็นแบรนด์ดังๆ ทั้งนั้น ของคุณแตกต่างยังไง มีอะไรดี ใส่กระปุกแบบนี้ขายสู้เขาก็ไม่ได้หรอก” เสียงสะท้อนจากร้านค้า ที่ทำให้ธนาวัฒน์ ต้องก็ย้อนกลับมาศึกษาตลาดน้ำพริกอย่างจริงจังจนพบว่า แท้จริงแล้วน้ำพริกเปรียบเหมือนเครื่องเคียงหรือเครื่องปรุง เช่นเดียวกันกับซอสและน้ำปลา ไม่ใช้อาหารจานหลักที่จะต้องกินทีเดียวหมดทั้งกระปุก ดังนั้น จะต้องสร้างความแตกต่างด้วยการทำแพ็คเกจจิ้งที่ต้องดูทันสมัย พกพาสะดวกอยากกินตอนไหนก็หยิบออกมาได้ และต้องราคาไม่แพง เพราะคนจะได้ซื้อได้ในทุกมื้อซึ่งรูปแบบที่ตอบโจทย์ข้างต้นของเขาได้มากที่สุดคือ “ถ้วยแบบฉีกฝาพร้อมทาน”
เมื่อได้รูปแบบแพ็คเกจจิ้งที่ต้องการแล้ว ธนาวัฒน์ จึงไปติดต่อกับโรงงานต่างๆ เพื่อสั่งถ้วยน้ำพริกไซส์มินิและสั่งทำเครื่องซีลฝาปิดแบบพิเศษเมื่อได้น้ำพริกถ้วยมินิตามต้องการแล้วก็เริ่มกลับไปเสนอร้านค้าอีกครั้ง เริ่มจากร้านขายของฝากในต่างจังหวัด เพราะช่วงนั้นกำลังจะเข้าสู่เทศกาลปีใหม่ โดยคราวนี้ทุกร้านยินดีรับฝากทั้งหมด เพราะเห็นถึงความแปลกใหม่
แต่ด้วยความที่ไม่เหมือนใครนี้เอง ทำให้น้ำพริกขายแทบไม่ได้ เนื่องจากลูกค้าไม่เข้าใจถึงสินค้าว่ามันเป็นอะไรยังไง ผ่านไปกว่า 4 เดือนยอดขายก็ยังไม่ดีขึ้น ธนาวัฒน์ จึงต้องกลับทบทวนหาข้อบกพร่องของแบรนด์ จนเห็นว่าสินค้านี้วางกลุ่มลูกค้าผิดตลาด คือต้องไปจับกลุ่มคนเมืองแทน เพราะสินค้ามันตอบโจทย์ชีวิตอันเร่งรีบได้ดีกว่า โดยชูจุดเด่นพกพาง่ายและรับประทานได้ทันที
พร้อมสร้างความเข้าใจให้ตลาด ด้วยการออกบูธงานแสดงสินค้าต่างๆ เพื่อแนะนำและทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้น ซึ่งส่วนนี้ นับเป็นจุดเปลี่ยนอย่างก้าวกระโดดของธุรกิจ เมื่อฝ่ายจัดซื้อของ 7-Eleven มาเห็นแล้วสนใจ จนได้สั่งซื้อล็อตแรกไปกว่า 1 ล้านถ้วยซึ่งนับแต่นั้นมายอดสั่งซื้อก็สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบัน น้ำพริกมินิรุ่งเจริญ มียอดขายไม่ต่ำกว่า 1 ล้านถ้วยต่อเดือน สร้างรายได้หลักร้อยล้านบาทต่อปี โดยมีน้ำพริกมินิให้เลือกกว่า 14 รสชาติ อาทิ น้ำพริกนรก น้ำพริกแมงดา น้ำพริกตาแดง น้ำพริกกุ้งสวรรค์ และน้ำพริกปลาร้าทรงเครื่อง เป็นต้น ราคาชิ้นละ 7 บาท จำหน่ายผ่านทางห้างสรรพสินค้าทั่วไปร้านของฝาก ร้านสะดวกซื้อ และwww.namprikmini.com รวมไปถึงส่งออกไปยังต่างประเทศอีกด้วย โดยเฉพาะในกลุ่มCLMV
สิ่งที่ทำให้น้ำพริกมินิรุ่งเจริญเปลี่ยนตัวเองจากน้ำพริกตลาดสดเป็นน้ำพริกโกอินเตอร์ได้ ก็คือ ความกล้าที่จะแตกต่างแล้วสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ให้ตลาด นับเป็นอีกหนึ่งไอดอลสำหรับ SME ที่ควรจะหันมาใส่ใจเรื่องความสร้างสรรค์ให้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องแพ็คเกจจิ้ง เพื่อที่วันหนึ่งเราอาจจะได้เห็นสินค้าจากตลาดสด ออกสู่ตลาดโลกอีกเจ้าหนึ่งก็เป็นได้ขอบคุณภาพจาก http://www.namprikminii.com และ www.smartsme.tv
