นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาเกิดฝนตกในหลายพื้นที่ทำให้เกิดน้ำท่วมขัง ส่งผลต่อผักที่เป็นพืชที่อายุสั้น มีระบบรากตื้น หากเกิดน้ำท่วมขังเป็นเวลานานติดต่อกันหลายสัปดาห์จะทำให้สภาพพื้นที่ปลูกและโครงสร้างของดินในแปลงปลูกผักเสียหาย เมื่อน้ำลดจะยังไม่สามารถปลูกผักได้ทันที จำเป็นต้องมีการฟื้นฟูสภาพดินให้เหมาะสม และเมื่อปลูกผักในแปลงปลูกผักหลังจากน้ำลดใหม่ๆ จำเป็นต้องมีการดูแลรักษาที่พิถีพิถันกว่าปกติ

โดยในพื้นที่หลังน้ำลดระยะแรกที่ดินยังเปียกอยู่ ห้ามคนและสัตว์เลี้ยง รวมถึงเครื่องจักรกลเข้าไปเหยียบย่ำในพื้นที่แปลงปลูก ส่วนในพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขังอยู่ ควรหาทางระบายน้ำออกโดยเร็ว เมื่อพื้นที่เริ่มแห้งพอที่จะเข้าไปปรับสภาพดินเพื่อปลูกได้ ให้ทำการไถพรวนและตากดินไว้ 2 - 3 วัน เพื่อให้ดินแห้งมากขึ้น และควรหาปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกเก่าคลุกเคล้ากับดิน เพื่อให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การปลูกพืช และควรเลือกปลูกผักที่มีอายุสั้นสามารถที่จะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้อย่างรวดเร็ว และเป็นที่นิยมในการบริโภครวมถึงตรงกับความต้องการของตลาด เช่น พริก กระเทียม ผักบุ้ง กวางตุ้ง คะน้า และตะไคร้

     สำหรับการปรับปรุงดินด้วยปูนขาวในอัตราส่วน 200 - 300 กิโลกรัมต่อไร่ รวมทั้งการใช้เชื้อไตรโคเดอร์มาใส่ลงไปในดิน จะช่วยป้องกันโรครากเน่าในผักได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม หากมีข้อสงสัยสามารถขอรับคำแนะนำเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานเกษตรจังหวัด และสำนักงานเกษตรอำเภอ