1.หยุดเงินผ่อน
สินค้าเงินผ่อนเป็นกิเลสตัวใหญ่ที่ทำให้มนุษย์เงินเดือนตกที่นั่งลำบาก ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ราคาแพง กระเป๋าแบรนด์เนม เครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆ และอีกหนึ่งสิ่งที่มนุษย์เงินเดือนมองข้ามคืออาหาร/เครื่องดื่มเงินผ่อน เช่น ร้านอาหารในคอนโดมิเนียมที่เปิดให้ลงบัญชีไว้ก่อน อันนี้อันตรายมาก เพราจะทำให้เราติดใจ กินเพลิน พอสิ้นเดือนค่อยเคลียร์บัญชี ซึ่งไม่ค่อยรู้สึกเดือดร้อนอะไรเพราะเคลียร์แล้วก็ลงบัญชีใหม่ สุดท้ายทำงานใช้หนี้เขาทั้งชีวิต
2.ลดความอยาก
สังเกตไหมว่าตอนเราอยู่บ้าน ตื่นเช้ากินกาแฟ/โจ๊ก กลางวันก็หาอะไรในตู้เย็นทำกิน หรือถ้าไม่มีก็คว้าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาใส่น้ำร้อน แต่พอทำงานอาหารกลางวันอย่างต่ำ40-50 บาท แค่นั้นไม่พอ ต่อด้วยกาแฟสดแก้วละ 50-70 บาท หรือบางคนติดเว่อร์แก้วเป็นร้อย ของเปรี้ยวของหวานที่เดินผ่าน เจอตลาดนัดกลางวันไปกันใหญ่ เบ็ดเสร็จหมดไปเกือบ 300 บาท นี่แค่มื้อเดียว วันเดียว ถ้าทำบ่อยๆก็ลองบวกลบคูณหารดูว่าจะเหลือเงินเก็บเท่าไหร่
3.สังสรรค์หลังเลิกงาน
กรณีนี้ถ้าเป็นคนแต่งงานแล้วไม่เท่าไหร่ เพราะภาระหน้าที่บังคับให้กลับบ้าน แต่คนโสดร้อยละ 70-80% มักตกอยู่ในวังวนนี้ โดยเฉพาะช่วงต้นเดือน พอดื่มเข้าไปยิ่งหน้าใหญ่จ่ายไม่อั้น จากนั้นค่อยมานอนก่ายหน้าผากหาทางออก ยืมเงินเพื่อนบ้าง กู้เงินนอกระบบบ้าง สุดท้ายชักหน้าไม่ถึงหลัง ขาดเงินเก็บ ชีวิตอาจแย่กว่าคนไม่มีงานทำอีก
4.เปลี่ยนนิสัย
ถ้าอยากเป็นมนุษย์เงินเดือนที่มีเงินเก็บเป็นหมื่น เป็นแสน หรือเป็นล้าน ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมท้ง3 ข้อ แล้วหันมาจัดทำบัญชีครัวเรือน (เรื่องนี้สำคัญและให้ผลที่เป็นเลิศมาก)
ลงบัญชีเลยว่าในแต่ละเดือนเรามีรายได้เท่าไหร่ ต้องใช้จ่ายในสิ่งจำเป็นกี่ส่วน ออมกี่ส่วน ลงทุนกี่ส่วน (อย่าคิดว่ามนุษย์เงินเดือนไม่ต้องลงทุน เช่น การทำประกันชีวิต การเล่นหุ้น ลงทุนในกองทุนรวม พันธบัตรต่างๆ แม้กระทั่งเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกับคนที่เราไว้วางใจ) เหลือใช้สำหรับรางวัลชีวิตและเอ็นเตอร์เทนเท่าไหร่ ถ้าหางานพิเศษที่ไม่กระทบกับงานประจำทำได้ยิ่งดี โดยนำรายได้เสริมมาเป็นเงินเก็บ รับรองว่าถ้าคุณลงมือทำตอนนี้จะสนุกกับบัญชีครัวเรือน และมีเงินเก็บเป็นแสนเป็นล้านแน่นอน
ที่มาข้อมูล :
Thaiquote