โอกาสของคนตัวเล็ก
ติดต่อเรา
เกี่ยวกับเรา
ติดต่อโฆษณา
Truehits.net
หน้าแรก
อาชีพรวย
อาหาร
เครื่องดื่ม
แฟชั่น
บริการ
ชี้ช่องทำกิน
ทำเล
สินค้า
อุปกรณ์ทำกิน
หลักสูตรสอนรวย
รอบบ้านรอบเมือง
อื่นๆ
แฟรนไชส์
ข่าวสาร
ข่าวน่ารู้
คลิปอาชีพรวย
อาชีพรวย
อาหาร
เครื่องดื่ม
แฟชั่น
บริการ
ชี้ช่องทำกิน
ทำเล
สินค้า
อุปกรณ์ทำกิน
ไลฟ์สไตล์
รอบบ้านรอบเมือง
อื่นๆ
ข่าวน่ารู้
คลิปอาชีพรวย
แฟรนไชส์
ข่าวสาร
หน้าแรก
หลักสูตรสอนรวย
อื่นๆ
22 มกราคม 2561
by Cheechongruay
อื่นๆ
กระทรวงอุตสาหกรรม เสริมแกร่ง SMEs ส่ง 9 มาตรการช่วยเหลือ ผ่าน 3 กองทุน!
'
Facebook
Twitter
Line
ดร.สมชาย หาญหิรัญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมยังคงเป็นหน่วยงานหลักในการช่วยเหลือและพัฒนาผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (
SMEs)
มีเป้าหมายเพื่อยกระดับไปสู่ยุค 4.0 ที่มีศักยภาพ โดยในปี 2561 จะมีโครงการสินเชื่อใหม่ 3 โครงการ เพื่อช่วยเหลือทางด้านการเงิน วงเงินรวมกว่า 78,000 ล้านบาท ผนวกกับอีก 9 มาตรการที่เป็นตัวขับเคลื่อนพัฒนาส่งเสริมควบคู่กันไป โดยมาตรการช่วยเหลือทางด้านการเงินที่เตรียมทยอยออกในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ คือ
1.สินเชื่อเพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชน
(
Local Economy Loan)
วงเงิน 50,000 ล้านบาท
2.สินเชื่อเพื่อปรับเปลี่ยนเครื่องจักรระยะที่ 2
(
Transformation Loan)
วงเงิน 20,000 ล้านบาท และ
3.โครงการฟื้นฟูและเสริมสร้างศักยภาพเอสเอ็มอีคนตัวเล็ก
(
Micro SMEs)
วงเงิน 8,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีมาตรการส่งเสริมที่ไม่ใช่ด้านการเงินอีก 9 มาตรการ เพื่อยกระดับเอสเอ็มอีไทย โดยมุ่งเน้นไปที่ "ไมโครเอสเอ็มอี" ดันรายได้สู่ท้องถิ่นทั่วประเทศ โดยทั้ง 9 มาตรการ ประกอบด้วย
1.การขยายศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรม (
ITC)
ทั่วประเทศ 23 แห่ง
2.ศูนย์สนับสนุนช่วยเหลือเอสเอ็มอี 270 แห่งทั่วประเทศ
3.
Train The Coach
หรือการสร้างโค้ช เพื่อส่งไปช่วยเหลือเอสเอ็มอี
4.
SME Big Data
ให้
SME
เข้าถึงบริการของภาครัฐและเครือข่ายอย่างครบถ้วนทุกที่ทุกเวลา
5.โครงการ
Big Brothers
หรือโครงการพี่ช่วยน้อง
6.
Digital Value Chain
ผลักดันเอสเอ็มอีสู่ห่วงโซ่การผลิตโลกผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์ม
B
2
B
7. โครงการเสริมแกร่งเอสเอ็มอีรอบรู้การเงิน
8.
SME Standard Up
ยกระดับเอสเอ็มอีสู่มาตรฐานที่เหมาะสมโดยพัฒนามาตรฐานเฉพาะ (มอก.
S
)
9.การยกระดับเศรษฐกิจฐานชุมชน ผ่านโครงการยกระดับอุตสาหกรรมชุมชนเชื่อมโยงการท่องเที่ยว (
CIV
4.0)
ดร.พสุ โลหารชุน ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานกรรมการ ธพว. เปิดเผยว่า หลังจากที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2561 เห็นชอบให้ ธพว.ออกจากแผนการแก้ไขปัญหาองค์กรหรือแผนฟื้นฟู เนื่องจากว่าตลอดระยะเวลา 3 ปี ที่ผ่านมาการแก้ปัญหาองค์กรดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในทั้ง 6 ด้าน ได้แก่
1.ปรับกระบวนการอำนวยสินเชื่อ วงเงินไม่เกิน 15 ล้านบาท
2.สร้างกระบวนการติดตามลูกหนี้
3.บริหารจัดการหนี้
NPL
ตามแผนฟื้นฟูอย่างเคร่งครัด
4.ดำเนินการตามพันธกิจในการสนับสนุนนโยบายรัฐ
5. ควบคุมค่าใช้จ่ายและต้นทุนเงิน
6.มุ่งเสริมสร้างจริยธรรม และธรรมาภิบาล
นายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการ ธพว. กล่าวว่า การออกจากแผนฟื้นฟูฯ แสดงให้เห็นว่า ธพว.มีความสามารถ และประสิทธิภาพที่จะเป็นกลไกขับเคลื่อนยกระดับเศรษฐกิจชุมชนตามนโยบายของรัฐบาลและเพื่อให้ ธพว.ก้าวต่อไปอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน ไม่กลับสู่ปัญหาดั่งอดีตที่ผ่านมา มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2561 จึงมีข้อกำหนดการปล่อยสินเชื่อ วงเงินสูงสุดไม่เกิน 15 ล้านบาท ที่มีคุณภาพดี ขณะเดียวกันก็พร้อมประกาศตัวเป็น
“M SME Development Bank”
โดยตัว
“M”
มาจากคำว่า
“Micro”
บ่งบอกถึงภารกิจหลักของตัวเองอย่างชัดเจนในการเป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ เพื่อสนับสนุนกลุ่ม
“
จุลเอสเอ็มอี
”
หรือผู้ประกอบการรายย่อยคนตัวเล็กในชุมชนต่างๆ ซึ่งจะสร้างประโยชน์ต่อเศรษฐกิจไทย เกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพ กระจายรายได้ไปทั่วประเทศ โดยเตรียมแพคเกจสินเชื่อเพื่อรายย่อยวงเงินรวม 70,000 ล้านบาท แบ่งออกเป็น 3 โครงการ ได้แก่
1) โครงการสินเชื่อเพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชน (
Local Economy Loan)
วงเงิน 50,000 ล้านบาท เน้นช่วยเหลือธุรกิจท่องเที่ยว ท่องเที่ยวชุมชน และเกษตรแปรรูป วงเงินกู้ไม่เกิน 5 ล้านบาท 3 ปีแรก คิดอัตราดอกเบี้ย 3%ต่อปี ฟรีค่าธรรมเนียม บสย. 4 ปีแรก
2) โครงการฟื้นฟูและเสริมศักยภาพวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สำหรับ
SMEs
คนตัวเล็ก วงเงิน 8,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเพียง 1%
3) สินเชื่อ
Factoring
วงเงิน 12,000 ล้านบาท กู้ต่อรายไม่เกิน 15 ล้านบาท โดยมีโปรโมชั่น 7:1:0 โดย 7 ตัวแรกคือ พร้อมอนุมัติสินเชื่อภายใน 7 วัน
,
1 คือ เบิกจ่ายภายใน 1 วัน และ 0 คือ ฟรีค่าธรรมเนียมเรียกเก็บหนี้
ขณะที่นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) กล่าวว่า ในปี 2561 กสอ. พร้อมเป็นหน่วยหลักในการขับเคลื่อนมาตรการส่งเสริมพัฒนาเอสเอ็มอีทั้ง 9 มาตรการ โดยได้วางแผนกลยุทธ์ เพื่อเป็นเครื่องมือสำคัญในการส่งเสริม
SMEs
ในยุค 4.0 ภายใต้แนวคิด 4
TOOLs
กับ 1
Strategy
ประกอบด้วย 1)
IT
ให้บริการด้านการพัฒนาระบบข้อมูลและสารสนเทศ 2)
Automation
การพัฒนาระบบการผลิต เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางธุรกิจ 3)
Robot
เพื่อลดการใช้แรงงานในกระบวนการผลิต และ 4)
Innovation
ส่งเสริมและพัฒนาด้านนวัตกรรม เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม
อีกทั้งยังเผย 1
Strategy
โดยจะมุ่งพัฒนาการรวมกลุ่มทางอุตสาหกรรม (
Cluster)
เพื่อต่อยอดของ
SMEs
ไทยให้เข้มแข็ง โดยกรมฯ ยังคงเดินหน้าให้การส่งเสริมพัฒนาเอสเอ็มอีและร่วมในการขับเคลื่อน
SMEs
อย่างเข้มข้นมากขึ้นกว่าเดิม เห็นได้ว่าในช่วงปีที่ผ่านมา กรมฯ สามารถดำเนินการโครงการต่างๆ ได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ ทั้งในส่วนของการสร้างผู้ประกอบการใหม่ การสนับสนุนผู้ประกอบการเดิมมากกว่า 12,000 ราย รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตอีกกว่า 3,000 กิจการ คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงถึง 8,000 ล้านบาท
ด้านนายสุวรรณชัย โลหะวัฒนกุล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวย้ำว่า
“
ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2561 สสว.จะเร่งผลักดัน 4 โครงการหลัก ประกอบด้วย 1) โครงการพัฒนาสู่สุดยอดเอสเอ็มอีจังหวัดในการก้าวสู่ยุค 4.0 2) โครงการส่งเสริมเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนเพี่อการพัฒนาที่ยั่งยืน 3) โครงการส่งเสริมพัฒนาตลาดอิเล็กทรอนิกส์สำหรับ
SME
และ 4) โครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มศักยภาพสู่ตลาดสากล โดยคาดว่าเมื่อสิ้นสุดโครงการจะสร้างผู้ประกอบการที่เข้มแข็งได้ จำนวน 55,642 ราย สร้างรายได้และมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านบาท
นอกจากนี้ สสว. ยังเป็นเจ้าภาพโครงการภายใต้มาตรการพิเศษขับเคลื่อนเอสเอ็มอีสู่ยุค 4.0 หลายโครงการเช่น
SME Big Data
โดยจะเร่งสร้างสังคมผู้ประกอบการผ่านโครงการ
“SMEONE”
ซึ่งเป็น
web portal
ที่รวบรวมทุกเรื่องของ
SME
ครบจบในที่เดียว รวมทั้งโครงการ
Train the Coach: Accelerator
4.0 หรือโครงการที่พัฒนาโค้ชหรือที่ปรึกษาด้านธุรกิจและด้านเทคโนโลยี
เพื่อเข้าไปช่วย
SMEs
พัฒนาธุรกิจให้มีการปรับเปลี่ยน (
Transform)
ให้ทันกับยุค 4.0 ได้ ดังนั้นหาก
SMEs
ขาดผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาแนะนำเพื่อการเปลี่ยนแปลง ธุรกิจก็จะยังคงดำเนินไปภายใต้กรอบความคิดเดิม ธุรกิจจะเสียโอกาสจากพัฒนาการใหม่ๆ และกลายเป็นผู้ล้าหลัง ไม่สามารถแข่งขันได้ในที่สุด โค้ชที่ได้รับการพัฒนาขึ้นจะเป็นตัวช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับเปลี่ยนไปได้ทันกับสภาพแวดล้อมทางการตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในยุค 4.0 ซึ่งจะมีการดำเนินการทั้งสิ้น 3 ปี ตลอดโครงการ
”
นายสุวรรณชัยกล่าวทิ้งท้าย
นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ กล่าวว่า สภาเกษตรกรฯ ร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรม และ ธพว. เพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชน รวมถึงเป็นตัวกลางประสานหน่วยงานต่างๆ ในการส่งเสริมเกษตรกรทั่วประเทศให้มีรายได้สูงขึ้น และเติบโตอย่างยั่งยืน โดยพัฒนาเกษตรกรให้เป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ด้วยการยกระดับอาชีพจากการทำเกษตรแบบดั้งเดิมสู่การใช้ความรู้ นวัตกรรม และเทคโนโลยีเพื่อแปรรูปเพิ่มมูลค่าผลผลิต และตรงตามความต้องการของตลาด
โดยกระทรวงอุตสาหกรรมสนับสนุนด้านความรู้ ขณะที่ ธพว.เติมเต็มด้านเงินทุน โดยได้มีการนำร่องที่ อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง ซึ่งมีการส่งเสริมให้ปลูกไผ่ และต่อยอดด้วยการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น ถ่านเชื้อเพลิง ไผ่สำหรับใช้ในภาคอุตสาหกรรมเพื่อบริโภค เฟอร์นิเจอร์จากไม้ไผ่ และบ้านจากไม้ไผ่ เป็นต้น ซึ่งแนวคิดดังกล่าว จะขยายผลไปทั่วประเทศ ตั้งเป้าว่าจะต้องเกิดผู้ประกอบการเอสเอ็มอีภาคเกษตรครอบคลุมอย่างน้อยทุกอำเภอทั่วประเทศ
Tags:
ข่าวอัพเดต
กระทรวงอุตสาหกรรม
'
Facebook
Twitter
Line
Trending
21 ฮวงจุ้ย การนอนให้ถูกทิศ ชีวิตร่ำรวย และประสบความสำเร็จ
แจกสูตร 10 เมนู “ไก่ทอด” ยอดฮิต ทำกินง่าย ทำขายกำไรรวย
แจก 9 สูตร “หมูทอด” สร้างอาชีพ ทำกินเองก็ได้ ทำขายกำไรรวย
ขี้ช่องรวย แจก 2 สูตรทำ “โรตี” ใช้งบหลักร้อย ทำอร่อยเตรียมเปิดร้านได้เลย
แจกสูตร “หมูแดดเดียว” ทำเงิน สร้างรายได้มีเงินเก็บเดือนละ 30,000 บาท