แม้วันนี้จะมีการจัดระเบียบทางเท้าทั่วกรุงฯจนทำให้ภาพตลาดนัดยามค่ำคืนอย่างตลาดสะพานพุทธค่อยๆเลือนจางไป เนื่องจากได้ย้ายโลเคชันจากฝั่งพระนครไปอยู่ฝั่งธน แต่ภาพสะพานพุทธในวันเก่าก็ยังคงเป็นภาพความทรงจำดีๆของใครหลายคน
หากย้อนรำลึกไปในอดีต 2 ข้างทางของสะพานพุทธเคยเป็นจุดนัดพบ สังสรรค์และแหล่งช้อบปิ้งยอดฮิตของวัยรุ่นไทยมายาวนาน ซึ่งคงคล้ายกับ ตลาดรถไฟ เจเจกรีน หรือตลาดนัดหัวมุมในปัจจุบัน แต่สิ่งที่ทำให้ตลาดสะพานพุทธพิเศษกว่า คือการเป็น Night Market ที่ตั้งอยู่ในทำเลท่องเที่ยวสุดคลาสสิคใต้สะพานพระพุทธยอดฟ้า เชื่อมระหว่างฝั่งพระนครและฝั่งธน มีลมเย็นจากริมแม่น้ำเจ้าพระยาพัดมาตลอดทั้งคืนไม่ขาดสาย บรรจบกันกับถนนจักรวรรดิ, ถนนตรีเพชร และปากคลองตลาด ตลาดสะพานพุทธ เปิดตั้งแต่ 6 โมงเย็นจนถึงตี 1 เต็มไปด้วยของกินของใช้ สินค้าแฟชั่นและสินค้ามือสองมากมาย ทั้งยังมีศิลปินอิสระจากโรงเรียนเพาะช่าง มารับวาดภาพเหมือนและภาพการ์ตูนให้แบบสดๆ และเนื่องจากมีสินค้าราคาถูก จึงมีลูกค้ามากมายมาจับจ่ายเที่ยวชม ทำให้ร้านค้าเพิ่มขึ้นแน่นขนัดเต็ม 2 ข้างทาง เกิดเป็นภาพความทรงจำสุดประทับใจของใครหลายคน หากมองไปแล้วการเปลี่ยนไปของตลาดสะพานพุทธก็คงไม่ต่างกันกับการทำธุรกิจ ที่พ่อค้าแม่ค้าแผงลอยในปัจจุบันนี้ต้องปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ไม่ยึดติดกับการทำธุรกิจในทำเลหรือรูปแบบเดิมๆ โดยเฉพาะการใช้สงครามลดราคาที่ไม่สามารถดึงดูดผู้บริโภคให้กลับมาซื้อซ้ำและเชื่อมั่นในสินค้าได้อีก สิ่งที่ควรเปลี่ยน จึงเป็นการสร้างความแตกต่างในตัวสินค้า และต้องสร้างควบคู่ไปพร้อมกับคุณภาพ อีกสิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาช่วยต่อยอดธุรกิจ ต้องรู้ทิศทางการทำธุรกิจในอนาคต อย่างล่าสุดก็มีการประเมินว่า LINE จะเป็น Super App ของบ้านเรา เนื่องจากผู้ใช้สมาร์ทโฟนทั่วประเทศกว่า 45 ล้านคน ได้ใช้ LINE สูงถึง 42 ล้านคน ธุรกิจค้าปลีกในตลาด e-Commerce มีแนวโนมเติบโตสูงขึ้นถึง 4% ต่อปี ทำให้ธุรกิจ Logistic กำลังมาแรงอย่างต่อเนื่อง ส่วนระบบ e-Payment ก็ได้รับความนิยมสูงขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้ประกอบการต้องมีความยืดหยุ่นเพื่อรับกับการตลาดแบบ O2O (Online to Offline) เพราะจะช่วยให้ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคยุคนี้ได้
Credit Images | www.smeleader.com