สสว. เพิ่มศักยภาพ SME ในการทำตลาดออนไลน์ สอดรับสังคมที่ขับเคลื่อนด้วยโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค จึงเกิดการบูรณาดึงความร่วมมือ 4 หน่วยงาน ให้ความรู้บ่มเพาะผู้ประกอบการผ่านช่องทางออฟไลน์ และออนไลน์เข้มข้น ในโครงการส่งเสริมพัฒนาตลาดอิเล็กทรอนิกส์สำหรับ SME หรือ ‘SME ONLINE’ เน้นสอนจนเป็นและเปิดร้านค้าออนไลน์จริงกับ e-Marketplace ชั้นนำ พร้อมอัดแคมเปญ ‘SME 1 BAHT’ ช่วยคนตัวเล็กให้ค้าง่าย ขายคล่อง สร้างยอดขายทะลุ 110 ล้านบาท ก่อนติดปีกบินอย่างแข็งแกร่งภายใต้การแข่งขันยุคดิจิทัล
นายสุวรรณชัย โลหะวัฒนกุล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า จากยุทธศาสตร์ Thailand 4.0 ของรัฐบาลที่ต้องการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยไปสู่เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม (Value-based economy) การส่งเสริมให้เอสเอ็มอีไทยปรับตัวเข้าสู่สังคมยุคดิจิทัล ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญในการเพิ่มความสามารถทางการแข่งขันในตลาดโลก เพื่อสนับสนุนให้เป้าหมายผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของกิจการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (GDP SME) ขยับสู่ 50% ของ GDP ประเทศ ภายในปี 2564 สสว. จึงได้ดำเนินการ
โครงการส่งเสริมพัฒนาตลาดอิเล็กทรอนิกส์สำหรับ SME หรือ
‘SME ONLINE’ อย่างต่อเนื่อง โดยร่วมมือกับ 4 หน่วยงานพันธมิตร ได้แก่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และสถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ISMED) จนสามารถส่งเสริมให้เอสเอ็มอีรายใหม่มีทักษะในการทำการตลาดออนไลน์ และมีช่องทางการจำหน่ายสินค้าเพิ่มขึ้น ในรูปแบบ Business to Business to Customer (B2 B 2C) รวมทั้งพัฒนาเอสเอ็มอีที่ค้าขายออนไลน์อยู่แล้วให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืน
“โลกยุคดิจิทัลเปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก หากเอสเอ็มอีไทยไม่ตื่นตัวที่จะพัฒนาหรือเปลี่ยนแปลงตัวเอง ย่อมเป็นการยากที่จะอยู่รอด เพื่อเพิ่มความสามารถทางการแข่งขันในยุค 4.0 เอสเอ็มอีควรปรับเปลี่ยนองค์ประกอบบางอย่างในธุรกิจ เช่น Digital Transformation นำเครื่องมือดิจิทัลมาเสริมสร้างโอกาสทางธุรกิจ สสว. ในฐานะหน่วยงานหลักในการให้การส่งเสริม สนับสนุน และให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี จึงได้รวมพลังกับพันธมิตรในการพัฒนาเอสเอ็มอีที่กระจายตัวอยู่ทั่วทุกภูมิภาค ผ่านกิจกรรมรูปแบบต่างๆ ในโครงการ SME ONLINE ซึ่งมีการพัฒนาหลักสูตรการอบรมที่เน้นปฏิบัติจริงอย่างหลากหลาย เพื่อให้บริการองค์ความรู้แก่เอสเอ็มอีที่มีพื้นฐานความรู้และธุรกิจแตกต่างกันไป โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น
จุดเด่นที่ส่งเสริมให้โครงการ SME ONLINE ประสบความสำเร็จด้วยดีคือ รูปแบบการอบรมที่มีให้เลือกเรียนรู้ตามสะดวกทั้งช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ที่อบรมเอสเอ็มอีไปแล้ว 10,000 รายทั่วประเทศ การสนับสนุนผู้ประกอบการใหม่ที่เข้าร่วมอบรมมากถึง 50% ในการเตรียมทำการตลาดออนไลน์เบื้องต้น เช่น สอนเทคนิคถ่ายภาพ การเขียนคอนเทนต์ รวมทั้งการเปิดร้านค้าออนไลน์กับ e-Marketplace ที่เข้าร่วมโครงการ ที่สำคัญคือ การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย เพื่อให้เอสเอ็มอีได้มีประสบการณ์จริงในการค้าขายออนไลน์ และสร้างความมั่นใจในการเริ่มต้นธุรกิจช่องทางใหม่ ขณะที่เอสเอ็มอีที่มีร้านค้าออนไลน์อยู่แล้ว ยังสามารถเพิ่มเติมเทคนิคขั้นสูงที่จะช่วยติดอาวุธให้ออนไลน์เป็นช่องทางการตลาดที่ยั่งยืนต่อไป ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเอสเอ็มอีวันนี้ตื่นตัวและกระตือรือร้นที่จะทำธุรกิจทางออนไลน์มากขึ้น และไม่หยุดที่จะพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์ตลาด เมื่อระบบนิเวศเอื้อต่อการทำธุรกิจ ก็ไม่มีอะไรจะมาหยุดการเติบโตของเอสเอ็มอีไทยได้”
สำหรับ e-Marketplace ชั้นนำของประเทศที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อเป็นช่องทางในการจำหน่ายสินค้าของเอสเอ็มอีมีทั้งสิ้น 11 รายด้วยกัน ประกอบด้วย Shopee, Buzzebees, Lnwmall, welovershopping, Tarad.com, Thailandmall, smesiam, Lnwshop, Beautynista, Shopseason, Pinsouq ซึ่งแต่ละรายต่างร่วมมอบสิทธิพิเศษต่างๆ ให้เอสเอ็มอีได้มีโอกาสทดลองค้าขายและสร้างรายได้ผ่านช่องทางออนไลน์ ปรากฏว่ากลุ่มสินค้าที่ขายดีจะเป็นสินค้ากลุ่มแฟชั่น ของตกแต่งบ้าน และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ เพื่อช่วยกระตุ้นยอดขายให้กับผู้ประกอบการ สสว. จึงได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ อาทิ การทำคูปองส่วนลด และที่พิเศษคือการร่วมมือกับ 5 e-Marketplace จัดแคมเปญ
‘SME 1 BAHT’ ลดราคาสินค้าที่อยู่ภายใต้โครงการ SME ONLINE จำนวน 500 รายการ โดยจำหน่ายในราคา 1 บาท สำหรับส่วนที่เหลือ สสว. จะเป็นผู้สนับสนุน แต่ไม่รวมค่าขนส่ง
การดำเนินงานโครงการ SME ONLINE ในปีนี้ ผู้อำนวยการ สสว. เผยมีผู้ประกอบการได้รับความรู้และประโยชน์จากโครงการกว่า 52,000 ราย มีสินค้าและบริการเข้าร่วมจำหน่ายผ่านทางออนไลน์กว่า 62,000 รายการ และสามารถสร้างยอดขายให้กับผู้ประกอบการกว่า 110 ล้านบาท และในปีต่อไปมิชชั่นที่ สสว. จะเดินหน้าลุยต่อคือ สานต่อโครงการ SME ONLINE ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 เพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านการค้าออนไลน์ให้กับเอสเอ็มอีไทยในยุคการแข่งขันดิจิทัล ภายใต้พันธกิจหลัก คือ ผู้สนับสนุนกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยรอบด้านทั่วทั้งประเทศ