โอกาสของคนตัวเล็ก

  • ติดต่อเรา
  • เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่อโฆษณา
Responsive image

เดินหน้าเต็มสูบ กคช.ร่วมบูรณาการ “บ้านล้านหลัง” ของ ธอส.

การเคหะแห่งชาติ ร่วมสนองนโยบายรัฐที่ต้องการลดความเหลื่อมล้ำด้านที่อยู่อาศัยด้วยการนำโครงการที่อยู่อาศัยเข้าร่วมโครงการ “บ้านล้านหลัง” ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ เพื่อร่วมผลักดันให้คนไทยได้มีที่อยู่อาศัยอย่างทั่วถึง ซึ่งมีประชาชนให้ความสนใจแห่จองโครงการกันอย่างล้นหลาม

 

ดร.ธัชพล กาญจนกูล ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวว่า การเคหะแห่งชาติร่วมสนับสนุนนโยบายรัฐบาลที่ต้องการช่วยเหลือให้ประชาชนได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง โดยมุ่งเน้นกลุ่มผู้มีรายได้น้อย กลุ่มคนวัยทำงาน หรือ ผู้ที่กำลังเริ่มต้นสร้างครอบครัว รวมถึงกลุ่มผู้สูงอายุ โดยได้นำโครงการของการเคหะแห่งชาติกว่า 141 โครงการ 10,070 หน่วย ราคาเริ่มต้นเพียง 374,000 บาท มาเข้าร่วมโครงการ “บ้านล้านหลัง” ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนโครงการ โดยการเคหะแห่งชาติถือเป็นหนึ่งในพันธมิตรที่ได้ให้ความร่วมมือในการบูรณาการร่วมกันในครั้งนี้ นอกจากนี้ยังมีโครงการที่อยู่อาศัยอื่นๆ จากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่ได้นำมาร่วมกับโครงการ “บ้านล้านหลัง” อาทิ ทรัพย์ขายทอดตลาด - เจ้าหนี้อื่นๆ ของกรมบังคับคดี ทรัพย์รอการขายของสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ทรัพย์รอการขายของบริษัทบริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (BAM) และบริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิทจำกัด (SAM) และโครงการที่อยู่อาศัยของผู้ประกอบการภาคเอกชน เป็นต้น รวมถึงทรัพย์รอการขายและทรัพย์ขายทอดตลาดของ ธอส. ซึ่งโครงการ “บ้านล้านหลัง” ถือเป็นการบูรณาการร่วมกันครั้งใหญ่ของสถาบันการเงินและหน่วยงานด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ได้ร่วมมือกันตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเท่าเทียม สร้างความเสมอภาคในสังคม รวมถึงสร้างความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัยให้กับประชาชน โดยจากการเปิดให้จองสิทธิที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าประชาชนให้การตอบรับเป็นอย่างดีเกินคาด ซึ่งถือว่าโครงการดังกล่าวประสบความสำเร็จเกินเป้าหมายที่รัฐบาลได้ตั้งไว้ โดยทาง ธอส. พร้อมที่จะขยายเฟส 2 และเฟส 3 รวมถึงจะขยายวงเงินสินเชื่อให้กับคนที่มาจองไม่ทันเฟสแรก ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาในการพิจารณาสินเชื่อกลุ่มแรกเสร็จสิ้นภายใน 2 เดือน หลังจากนั้นจะประเมินว่ามีผู้กู้ผ่านกี่ราย และต้องการวงเงินเพิ่มอีกเท่าใดหากวงเงินขอกู้เกินกว่าที่คณะรัฐมนตรีได้กำหนดไว้