โอกาสของคนตัวเล็ก

  • ติดต่อเรา
  • เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่อโฆษณา
Responsive image

ต้อนรับชาว K-Pop ด้วยการเปิดร้าน “บิงซู”

กระแส K-Pop ที่เข้ามาในไทย ไม่ได้มีเพียงแค่เหล่าบรรดาศิลปินและซีรีย์ดัง อาหารเกาหลีเองก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กันทั้งของคาวของหวาน ที่ดูเหมือนว่าจะถูกปากของคนไทยหลายคนจนทำให้เกิดการสร้างธุรกิจใหม่ในไทยอย่างต่อเนื่อง

เช่นเดียวกับบิงซูหรือที่เรียกให้เข้าใจง่ายขึ้นก็คือน้ำแข็งใสเกล็ดหิมะ เนื่องจากไทยเป็นเมืองร้อนคงไม่มีอะไรดีไปกว่าขนมหวานเย็นชื่นใจ โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ที่ดูเหมือนภูเขาน้ำแข็งขนาดย่อม มาพร้อมกับการตกแต่งสุดตระการตา โปะด้วยท็อปปิ้งต่างๆ ให้รสสัมผัสที่รู้สึกสดชื่น จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมบิงซูถึงได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว
สำหรับการเปิดร้านบิงซูขนาดเล็ก ควรตั้งอยู่ในแหล่งชุมชนที่มีกลุ่มเป้าหมาย นั่นคือเด็กและวัยรุ่น เช่น ใกล้โรงเรียน มหาวิทยาลัย สถาบันการเรียนการสอนต่างๆ ตลาดนัด ยิ่งคนเยอะยิ่งมีโอกาสขายได้มากกว่า

การเตรียมตัวเปิดร้านบิงซู

1.ทำเล

สำหรับการเปิดร้านบิงซูขนาดเล็ก ทำเลร้านควรตั้งอยู่ในแหล่งชุมชนที่มีกลุ่มเป้าหมายนั่นคือเด็กและวัยรุ่น เช่น ใกล้โรงเรียน มหาวิทยาลัย สถาบันการเรียนการสอนต่างๆ ตลาดนัด ยิ่งคนเยอะยิ่งมีโอกาสขายได้มากกว่า

2.ศึกษาเกี่ยวกับการทำบิงซู

ศึกษาข้อมูลคร่าวๆที่มีให้อ่านมากมายตามอินเตอร์เน็ต แต่สำหรับมือใหม่นั้นมีคอร์สสอนสำหรับการเปิดร้านบิงซูโดยเฉพาะ มีการแนะนำอุปกรณ์ที่ต้องใช้ แหล่งซื้อวัตถุดิบ เทคนิคต่างๆ การกำหนดราคาขาย หรือหากสนใจแฟรนไชส์ก็มีหลายรูปแบบหลายราคาให้เลือกตามความเหมาะสม และตามกำลังซื้อของกลุ่มลูกค้า

3.การวางแผนในกรณีฉุกเฉิน

เมื่อเข้าสู่หน้าฝนอาหารเย็นๆอาจจะไม่เหมาะกับฤดูกาลเช่นนี้ การมีทุนสำหรับหมุนเวียนเป็นเรื่องอุ่นใจ แต่การวางแผนรับมือล่วงหน้าเป็นสิ่งที่ควรคำนึง เพราะจะต้องเจอกับยอดขายที่ลดลง อาจจะจัดโปรโมชั่นเพื่อเรียกลูกค้า อย่ารอให้สถานการณ์ผ่านไปโดยที่ไม่ลงมือทำอะไรเลย

โอกาสในการแข่งขันและทางรอดของธุรกิจบิงซูสำหรับ SMEs

ช่วงที่บิงซูกำลังโด่งดัง ผู้ประกอบการบางรายคิดว่านี้คือโอกาสดีที่จะทำธุรกิจนี้ ยิ่งเกาะกระแสเร็วยิ่งได้เปรียบตรงที่คนส่วนใหญ่รู้จักหรืออยู่ในช่วงกำลังอยากลอง ในขณะที่อีกส่วนมองว่าธุรกิจแบบนี้ไม่ต่างจากแฟชั่น เมื่อความนิยมลดลงก็พากันทยอยปิดกิจการ แต่ก็มีบางธุรกิจที่เคยรุ่งโรจน์ในอดีตแล้วหายเงียบไป พอกลับมาอีกครั้งก็สร้างความสั่นสะเทือนด้วยการนำเสนอรสชาติและไอเดียที่ต่างจากเดิม

แล้วการแข่งขันของบิงซูจะเป็นเช่นไร ในเมื่อมีจำนวนร้านค่อนข้างเยอะ เมนูส่วนใหญ่ก็คล้ายๆกัน แล้วอย่างนี้จะเอาอะไรมาสู้ แต่หากสังเกตให้ดีจะเห็นว่าแม้แต่ยักษ์ใหญ่ในวงการนี้ยังกระโดดลงมาเล่น ดังนั้นยังมีพื้นที่สำหรับการเปิดร้านบิงซูขนาดเล็กที่ใช้เงินแค่หลักหมื่น แต่กำไรที่ได้ดีเกินคาด การแข่งขันสำหรับธุรกิจนี้คือ

1.รสชาติ

คนที่ชื่นชอบของหวาน มักจะให้ความสำคัญกับเรื่องของรสชาติมาเป็นอันดับแรก ชิมเข้าไปคำแรกถ้าไม่ผ่านก็ถือว่าจบ จุดเด่นของบิงซูคือความนุ่มละมุนของเกล็ดน้ำแข็ง ลองชิมจากหลายๆร้านแล้วนำมาปรับจนเป็นที่พอใจ เรื่องของรสชาติต้องได้รับการยอมรับจากลูกค้า ความคิดเห็นและคำติชมต่างๆจึงเป็นสิ่งสำคัญ

2.ราคา

ในที่นี้ไม่ใช่เรื่องของการขายตัดราคา แต่เป็นเรื่องของการตั้งราคาให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้า โดยอิงกับขนาดของธุรกิจ ราคาบิงซูของร้านขนาดใหญ่เริ่มที่สองร้อยบาท สำหรับธุรกิจขนาดเล็กหากต้องขายราคาเช่นนี้แน่นอนว่าสู้ไม่ได้ และคงไม่สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย นี่จึงเป็นช่องว่างในตลาดในการเข้าถึงลูกค้ามากขึ้น

3.ไอเดียที่สร้างสรรค์

ช่วยให้ร้านดูน่าสนใจ เน้นการตกแต่งที่ทำให้เกิดความรู้สึกที่อยากทาน คิดเมนูใหม่ๆที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเองเหมือนเป็นเมนูประจำร้านที่ใครมาก็ต้องสั่ง ลองหยิบโน่นผสมนี่แต่รสชาติต้องไปด้วยกันได้ เมนูที่เข้ากับเทศกาล เช่น สงกรานต์ วันแม่ ปีใหม่ หรือมีอย่างอื่นเสริม เช่น เครื่องดื่ม เบเกอรี่ง่ายๆอย่างขนมปังโทสต์ วาฟเฟิล แต่ต้องไม่ทิ้งคอนเซ็ปต์ร้านบิงซู เป็นการเพิ่มทางเลือกให้แก่ลูกค้า

การทำธุรกิจไม่มีกฎเกณฑ์ที่แน่นอนในการที่จะทำให้ธุรกิจคงอยู่ไปได้ตลอด จึงจำเป็นที่จะต้องมีการพัฒนาอยู่เรื่อยๆเพื่อให้เกิดความหลากหลาย สร้างความแปลกใหม่แต่ต้องไม่ทิ้งจุดยืนที่ชัดเจนตั้งแต่แรก การใช้พลังของโซเชียลการตลาดออนไลน์ก็เป็นอีกแรงที่จะช่วยให้ธุรกิจของเรากลายเป็นที่รู้จักในวงกว้าง สำคัญที่ว่าจะรักษาคุณภาพของสินค้าได้ดีแค่ไหน อย่าปล่อยให้เป็นเหมือนกับกระแสลมที่พัดผ่านแค่ช่วงหนึ่งแล้วไม่หวนกลับมาอีกเลย

ขอขอบคุณข้อมูล สถาบันพัฒนาและสนับสนุนผู้ประกอบการ SME