กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ชวน SMEs ดาวน์โหลดซอฟต์แวร์การบริหารจัดการธุรกิจแบบครบวงจรที่ตอบโจทย์การทำธุรกิจยุคปัจจุบัน 3 โปรแกรม “โปรแกรมออฟฟิศ งานขายหน้าร้าน และบัญชี” โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพิ่มโอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินทุน เตรียมต่อยอดเฟส 2 และ 3 โปรแกรมจะมีความเข้มข้นและเจาะจงเฉพาะธุรกิจมากขึ้น มั่นใจช่วยลดต้นทุนให้ผู้ประกอบการ
นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมฯ กำลังเปิดให้ธุรกิจที่สนใจสมัครและเข้าใช้งานโปรแกรมซอฟต์แวร์การบริหารจัดการธุรกิจแบบครบวงจร หรือ Total Solutions for SMEs โดย ผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) สามารถดาวน์โหลดโปรแกรม 3 ประเภทไปใช้งาน คือ โปรแกรมจัดการเอกสาร (Office Software) โปรแกรมงานขายหน้าร้าน (POS : Point of Sale) และโปรแกรมบัญชี Online โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ
สำหรับขั้นตอนในการเข้าใช้งานมี 3 ขั้นตอน ได้แก่ 1.เข้าเว็บไซต์ www.dbd.go.th เลือกหัวข้อ Hot Service และ Total Solutions for SMEs 2.เข้าสู่หน้าแรกของระบบ ผู้ใช้งานสามารถดูรายชื่อซอฟต์แวร์ที่เข้าร่วมโครงการที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับประเภทธุรกิจ (ปัจจุบันมี 16 ซอฟต์แวร์) 3.เข้าสู่ระบบ โดยใส่รหัสผู้ใช้งานและรหัสผ่าน ซึ่งเป็นรหัสเดียวกับระบบ e-Registration หรือ DBD e-Filing กรณีที่เป็น SMEs ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด (มีเงินทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท และรายได้ไม่เกิน 5 ล้านบาท) ระบบจะนำเข้าสู่แบบฟอร์มการรับสมัคร โดยกรอกข้อมูลธุรกิจ จากนั้นเลือกประเภทโปรแกรม ที่ต้องการใช้งาน (เลือกได้มากกว่า 1 ประเภท ประเภทละ 1 โปรแกรม) เลือกบริการที่ต้องการจากธนาคารพันธมิตร สุดท้ายแจ้งข้อมูลผู้ติดต่อเลือกรับรองข้อความและกดส่งข้อมูล
นายวุฒิไกรกล่าวว่า โครงการ Total Solutions for SMEs ปัจจุบันเป็นการนำร่อง เฟสที่ 1 เน้นการสร้างโอกาสให้ SMEs เข้าถึงเทคโนโลยีเพื่อประกอบธุรกิจโดยไม่ต้องใช้ต้นทุนใดๆ เพราะกรมฯ เข้าใจถึงปัญหาใหญ่ของ SMEs ที่ทำให้เข้าไม่ถึงเทคโนโลยี ก็คือ เงินทุนที่ไม่เพียงพอ โดยที่ผ่านมา หาก SMEs ต้องการจะพัฒนาธุรกิจด้วยเทคโนโลยีจะต้องใช้เงินทุนจำนวนมากในการซื้อซอฟต์แวร์จากผู้ผลิตรายใหญ่ และบางครั้งระบบเหล่านั้นก็ไม่รองรับกับธุรกิจของตนเอง ทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณการบริหารธุรกิจไปอย่างเปล่าประโยชน์ รวมทั้งเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งทุนและบริการทางการเงินของธนาคารอีก 4 แห่งที่เป็นพันธมิตรอีกด้วย
ส่วนเฟสที่ 2 กรมฯ จะต่อยอดโปรแกรมด้าน POS และบัญชีให้เหมาะกับธุรกิจแต่ละประเภท เช่น ร้านอาหาร ร้านซ่อมรถ ร้านซักรีด เป็นต้น โดยที่โปรแกรมทั้งหมดจะดำเนินการผ่านระบบคลาวด์ (Cloud Computing) ทำให้ธุรกิจสามารถติดตามการดำเนินธุรกิจของตนเองทั้งด้านรายได้ ค่าใช้จ่าย ต้นทุนได้แบบวันต่อวัน และเฟสที่ 3 สถาบันการเงินที่เป็นพันธมิตรสามารถพิจารณาสุขภาพของธุรกิจที่มาขอรับสินเชื่อได้ผ่านระบบ Cloud Computing ทำให้เพิ่มโอกาสแก่ SMEs ที่มีสุขภาพทางการเงินดีในการเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น และเกิดการแข่งขันระหว่างสถาบันการเงินในการเสนอดอกเบี้ยที่ต่ำลง ซึ่งจะส่งผลดีและประโยชน์แก่ SMEs ได้โดยตรง โดยเฟสที่ 2 และ 3 คาดว่าจะเริ่มใช้งานได้ประมาณกลางปี 2563
ก่อนหน้านี้ กรมฯ ได้ร่วมมือกับ 7 หน่วยงานพันธมิตร ได้แก่ สมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย (ATSI) สมาคม Thailand Tech Startup ผู้ประกอบการซอฟต์แวร์สำนักงาน (Office) ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารทหารไทย เพื่อรวบรวมซอฟต์แวร์การบริหารจัดการธุรกิจแบบครบวงจรให้บริการแบบไม่มีค่าใช้จ่าย ภายใต้ชื่อ “Total Solutions for SMEs” ประกอบไปด้วยโปรแกรมใน 3 ประเภทคือ 1.โปรแกรมจัดการเอกสาร (Office Software) สำหรับประยุกต์ใช้ด้านสำนักงานและการจัดการเอกสารด้านต่างๆ ของธุรกิจ 2.โปรแกรมงานขายหน้าร้าน (POS : Point of Sale) ช่วยให้การซื้อ-ขายสินค้าหรือบริการหน้าร้านสะดวกมากยิ่งขึ้น สามารถบริหาร Stock สินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เชื่อมโยงข้อมูลด้านการจัดทำบัญชีและงบการเงิน และ 3.โปรแกรมบัญชี Online ที่จะเชื่อมโยงข้อมูลในธุรกิจแบบครบวงจร สามารถแปลงข้อมูลเป็นงบการเงินและนำส่งได้ทันที
“สำหรับเฟสที่ 3 สถาบันการเงินที่เป็นพันธมิตรสามารถพิจารณาสุขภาพของธุรกิจที่มาขอรับสินเชื่อได้ผ่านระบบ Cloud Computing ทำให้เพิ่มโอกาสแก่ SMEs ที่มีสุขภาพทางการเงินดีในการเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น และเกิดการแข่งขันระหว่างสถาบันการเงินในการเสนอดอกเบี้ยที่ต่ำลง ซึ่งจะส่งผลดีและประโยชน์แก่ SMEs ได้โดยตรง สำหรับเฟสที่ 2 และ 3 คาดว่าจะเริ่มใช้งานได้ประมาณกลางปี 2563” นายวุฒิไกร กล่าวทิ้งท้าย”