จากกระแสข่าวการปลดพนักงานหรือเออร์ลี่รีไทร์ทำให้มีจำนวนคนว่างงานเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่จะนำเอาทุนรอนที่ได้จากการทำงานมาเปิดกิจการหรือธุรกิจเป็นของตนเอง ซึ่งหนึ่งในธุรกิจที่ส่วนใหญ่นิยมเปิดอย่างมาก คือ ร้านอาหาร เนื่องจากเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิต ทุกคนต้องบริโภคอาหาร ดังนั้น จึงจำเป็นที่ต้องมีมาตรการรองรับด้วย
นางลัดดา สำเภาทอง นายกสมาคมการค้าธุรกิจร้านอาหาร เปิดเผยว่า จากภาวะเศรษฐกิจส่งผลกระทบให้ร้านอาหารหลายแห่งที่ต้องการจะลดต้นทุนการจ้างงาน ด้วยการปลดพนักงานออกหรือเออร์ลี่รีไทร์ และยังมีผลกระทบจากภัยคุกคามด้านเทคโนโลยี ส่งผลต่อการจ้างแรงงานที่จะไม่จำเป็นต่อบางบริษัท ทำให้เกิดภาวะคนตกงานจำนวนมาก
ดังนั้น คนตกงานเหล่านี้ จึงต้องดิ้นรนหาอาชีพใหม่จากเงินก้อนหนึ่งที่ได้รับมาจากการออกจากบริษัท ซึ่งส่วนใหญ่จะมองมาที่ธุรกิจร้านอาหาร ด้วยวิธีการซื้อแฟรนไชส์อาหารที่ไม่แพงมาดำเนินกิจการ โดยที่อาจจะอาศัยพื้นที่บ้านหรือหน้าบ้านของตัวเองไปทำเป็นพื้นที่ขายได้ด้วย โดยไม่ต้องไปเสียค่าเช่าที่ที่อื่น
ทั้งนี้ แฟรนไชส์อาหารที่เป็นที่นิยมของผู้ประกอบการหน้าใหม่นี้จะเป็นอาหารที่เกี่ยวกับสุขภาพเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นไปตามเทรนด์ของผู้บริโภคยุคนี้ด้วย ที่หันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพจากการทานอาหารมากขึ้น รวมทั้งเน้นไปที่อาหารที่สามารถส่งบริการถึงบ้านหรือเดลิเวอรี่ได้ด้วย เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้า
สำหรับตลาดรวมร้านอาหารเมื่อปีที่ผ่านมาพบว่า มีการปิดกิจการไปประมาณ 8% หรือประมาณ 1,000 ร้านค้า ซึ่งสมาคมฯ ประเมินไว้แต่แรกว่าจะมีร้านอาหารปิดกิจการหยุดดำเนินการไปกว่า 2,000 ร้านค้า เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของภาพรวม เพราะทางสมาคมฯ มีการนับรวมธุรกิจร้านกาแฟเข้าไปด้วย ทั้งนี้ จำนวนร้านอาหารใหม่ๆ ที่เพิ่มขึ้นมาประมาณ 10% จากจำนวนของร้านอาหารทั่วประเทศที่มีประมาณ 2 แสนร้านค้า
ติดตามอ่านรายละเอียดฉบับเต็มได้ที่ :
ตลาดของกินแข่งเดือด "คนว่างงาน" หันทำธุรกิจร้านอาหารสร้างรายได้