ร้านโชวห่วย ที่เราคุ้นเคยกันมาตั้งแต่เด็กๆ และถือเป็นร้านประจำชุมชนที่มีส่วนในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจตั้งแต่ฐานรากหญ้า ปัจจุบันกำลังประสบปัญหาเรื่องการบริหารจัดการร้าน เพราะจากการสำรวจพบว่า เจ้าของร้านโชวห่วยส่วนใหญ่ยังขาดองค์ความรู้ในเรื่องการบริหารจัดการ รวมทั้งยังไม่มีประสบการณ์ในเรื่องเทคโนโลยี โดยเฉพาะในยุคโซเชียลที่มีอิทธิพลต่อผู้บริโภค ดังนั้น หากพัฒนาและส่งเสริมให้เจ้าของร้านโชวห่วยมีศักยภาพจะช่วยทำให้ธุรกิจร้านโชวห่วยสามารถเดินหน้าต่อไปได้
นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้จับมือ 6 หน่วยงานพันธมิตรจากภาครัฐ และเอกชน ได้แก่ บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด, บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน), ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME D Bank), ธนาคารกรุงไทย, สมาคมการค้าส่ง-ปลีกไทย และสมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย เพื่อพัฒนาขีดความสามารถทางการแข่งขันให้ธุรกิจร้านโชวห่วย ร่วมแก้ไขปัญหาการขาดองค์ความรู้ในการบริหารจัดการร้านค้า ขาดประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการทำธุรกิจ ขาดเทคโนโลยีในการบริหารร้านค้า เสริมช่องทางในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ โดยจะใช้ทรัพยากร ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์จากพันธมิตรมาช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด ภายใต้แนวคิด “จับมือพันธมิตร ติดปีกโชวห่วยไทย (Total Solutions : โชวห่วย)”
ด้าน นายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank กล่าวว่า ธนาคารมุ่งสนับสนุนผ่าน “3 เติม” ได้แก่ “เติมทุน” ผ่านโครงการสินเชื่อเพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชน เพื่อให้นำมาใช้เป็นทุนหมุนเวียน ลงทุนซื้อเครื่องจักร ขยายและปรับปรุงกิจการให้มีความทันสมัย ระยะเวลากู้สูงสุด 7 ปี สำหรับบุคคลธรรมดา คิดอัตราดอกเบี้ย 3 ปีแรกเพียง 0.42% ต่อเดือน ปีที่ 4-7 อัตราดอกเบี้ย MLR ต่อปี วงเงินกู้สูงสุด 2 ล้านบาทต่อราย และส่วนนิติบุคคล คิดอัตราดอกเบี้ย 3 ปีแรกเหลือเพียง 0.25% ต่อเดือนเท่านั้น ส่วนปีที่ 4-7 อัตราดอกเบี้ย MLR ต่อปี วงเงินกู้สูงสุด 5 ล้านบาทต่อราย
นอกจากนี้ ธนาคารยัง “เติมทักษะ” โดยผลักดันผู้ประกอบการร้านโชวห่วยให้มีขีดความสามารถทางธุรกิจเพิ่มขึ้น นำไปสู่การเพิ่มรายได้ ลดรายจ่ายผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น การอบรมสัมมนา จับคู่ธุรกิจ, การเป็นพี่เลี้ยงมืออาชีพ และขยายตลาดออนไลน์ เป็นต้น รวมถึง “เติมคุณภาพชีวิต” ช่วยให้ผู้ประกอบธุรกิจร้านโชวห่วยเข้าถึงสิทธิประโยชน์และสวัสดิการภาครัฐ ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้ตนเองและครอบครัว รวมถึงสร้างความมั่นคงในอาชีพได้อย่างยั่งยืน
ขณะที่ นางสาวจนัญญา เมฆวัฒนา ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารและความยั่งยืน บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า บริษัท ยูนิลีเวอร์ไทย เทรดดิ้ง จำกัด มีโครงการพัฒนาร้านโชวห่วย คือ ร้านติดดาว ซึ่งเป็นการอบรมการบริหารการจัดการหน้าร้านให้เป็นระบบ เพื่อสร้างความน่าดึงดูด พร้อมทั้งสนับสนุนสื่อตกแต่งทั้งภายในและภายนอกร้านค้า แคมเปญทางการตลาด เช่น การสะสมแต้มหรือของแถม เพื่อผลักดันยอดขาย บริษัทฯ พร้อมเป็นที่ปรึกษาในการทำธุรกิจให้กับร้านโชวห่วยโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เพื่อประโยชน์ของร้านค้าและผู้บริโภคที่แท้จริง
นายทินกร เหล่าเราวิโรจน์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย (ATSI) กล่าวว่า สมาชิกสมาคมฯ นับสิบรายที่เป็นผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ POS (Point of Sale) ที่เป็นที่รู้จักและใช้งานอย่างแพร่หลายได้แสดงความจำนงเข้าร่วมนำซอฟต์แวร์ POS เหล่านี้มาเผยแพร่ให้กับร้านโชวห่วย และจำหน่ายในราคาพิเศษโดยจะมอบส่วนลดให้ 15-20% จากราคาปกติ อีกทั้งจะนำพาร้านโชวห่วยไปเข้าร่วมโครงการ Depa Mini Transformation Fund ที่ให้เงินช่วยเหลือ SME ที่ต้องการลงทุนด้านดิจิทัล ในแบบ reimburse (การชำระเงินคืน) มูลค่ารายละไม่เกิน 10,000 บาท ซึ่งจะช่วยให้ร้านโชวห่วยไทยได้นำซอฟต์แวร์มาใช้ประโยชน์ในธุรกิจได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้ สมาคมฯ ยังเห็นความสำคัญในเรื่องของความรู้ที่สามารถทำให้ผู้ประกอบการร้านโชวห่วยปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัล สมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย จึงเปิด e-Learning Platform ให้กับร้านโชวห่วยไทย และ SME ภายใต้การสนับสนุนของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าทุกราย สามารถเข้าไปศึกษาเรียนรู้เนื้อหาออนไลน์ได้ฟรี ซึ่งจะเป็นการนำเทคโนโลยีมาเสริฟถึงมือ SME ไทย ได้อย่างทั่วถึง ไร้ข้อจำกัดเรื่องเวลาและสถานที่
สำหรับผู้ประกอบการร้านโชวห่วยที่สนใจเข้าร่วมโครงการ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กองส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สายด่วน 1570 หรือ โทร. 0 2547 5986 และ www.dbd.go.th