โอกาสของคนตัวเล็ก

  • ติดต่อเรา
  • เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่อโฆษณา
Responsive image

เคทีซีผนึก 5 ธุรกิจออนไลน์ “เจาะลึกธุรกิจอีคอมเมิร์ซและช้อปปิ้งออนไลน์ ทางออกเศรษฐกิจไทยยุคดิจิทัล”

เคทีซีร่วมกับ 5 บิ๊กพันธมิตรธุรกิจอีคอมเมิร์ซและช้อปปิ้งออนไลน์ “ลาซาด้า” “ทีวี ไดเร็ค” “ซิลิงโก้” “ลอรีอัล” และ “พอลพ่า บาย ดามาคัน” เผยมุมมองในการนำพาธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ และร่วม ขับเคล่ื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างย่ั่งยืน

ท่ามกลางกระแสดิจิทัล ดิสรัปช่ั่นท่ี่พฤติกรรมผู้บริโภค เปลี่ยนแปลง ชี้บริการออนไลน์ ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด แต่เป็นทางเลือกให้ชีวิตผู้บริโภคมีแต่ได้กับได้ สะดวกสบาย ได้ของเร็วประหยัดค่าใช้จ่าย สินค้ารับประกันความพอใจ และยังมีบริการเสริมอื่นๆ ที่ทำให้ ได้รับประโยชน์มากขึ้นด้วย ทั้งบริการทางการเงิน บริการขนส่งถึงที่หมายและอีกมากมาย

นางพิทยา วรปัญญาสกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร – ธุรกิจบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตร กรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ภาพรวมการทำธุรกิจออนไลน์ในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมาเติบโตก้าวกระโดด ช่วยสร้างรายได้ทางอาชีพและขับเคลื่อนให้ภาคเศรษฐกิจหมุนเวียน ด้วยแรงส่งจากเทคโนโลยีและโซเชียลมีเดียที่ทำให้โลกเล็กลง ข้อมูล การสื่อสารและโอกาสที่ดีเกิดการแลกเปลี่ยนแบบไร้ขีดจำกัด

ในส่วนของเคทีซีเองการเปิดช่องทางธุรกิจสู่ช่องทางออนไลน์ถือว่าไปได้ดีมียอดการใช้จ่ายบัตรเครดิตผ่านช่องทางออนไลน์เติบโตสูงต่อเนื่องมาตลอด เปรียบเทียบปี 2561กับปี 2560 เติบโตประมาณ 30% โดย 5 หมวดสินค้าที่มีการใช้จ่ายผ่านออนไลน์สูงสุด ได้แก่ หมวดเครื่องใช้ไฟฟ้า /เครื่องสำอาง / เสื้อผ้าแฟชั่น / สินค้าตกแต่งภายในบ้าน / สินค้าแม่และเด็ก นอกจากนี ้ยังมีสมาชิกบัตรเครดิตรายใหม่ๆ เข้ามาใช้จ่ายออนไลน์ในปี 2560 เพิ่มขึ้น 13% จากปี 2560 อีกด้วย” 

“จากพฤติกรรมการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต ที่สมาชิกหันมาสนใจและคุ้นเคยกับการค้นหาข้อมูลและทำรายการ ใช้จ่ายต่างๆ ผ่านออนไลน์ด้วยตนเองมากขึ ้น เคทีซีจึงสรรหาสิทธิประโยชน์ด้านออนไลน์มาตอบโจทย์ความต้องการที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการใช้บัตร ณ เคาน์เตอร์ร้านค้าปกติเพื่อให้สมาชิกหรือผู้ที่กำลังจะมาเป็นสมาชิกเคทีซีได้รับรู้ และ นึกถึงเคทีซีเป็นอันดับต้นๆ โดยปักหมุดให้เคทีซีเป็นแหล่งรวมโค้ดส่วนลดจากพันธมิตรออนไลน์ที่มากที่สุด เฉลี่ยมากกว่า 80 พันธมิตรออนไลน์ต่อเดือน และสร้ างแลนดิ้งเพจ (Landing Page) โดยเฉพาะที่ www.ktc.co.th/shoponline เพื่อให้สมาชิกเข้าถึงข้อมูลและสิทธิประโยชน์ได้ง่าย สะดวกและรวดเร็ว”

นางสาวธนิดา ซุยวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท ลาซาด้า ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “ภาพรวมธุรกิจอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยปี2561 ที่ผ่านมานั้น ถือว่าเติบโตอย่างน่าสนใจ เนื่องจากมี มาร์เก็ตเพลสรายใหม่จากต่างประเทศหลายรายเข้ามาดำเนินธุรกิจอย่างเป็นทางการ และมีสินค้ากลุ่มข้ามพรมแดน(Cross Border) เข้ามาในไทยมากขึ้น ขณะเดียวกันสถานการณ์ดังกล่าวก็ส่งผลให้การแข่งขันในธุรกิจอีคอมเมิร์ซปีนี้ดุเดือดมากขึ้นด้วยเช่นกัน

แต่เมื่อเทียบกับต่างประเทศนั้น ธุรกิจอีคอมเมิร์ซในไทยแม้ว่าจะเกิดขึ ้นมาได้สักระยะหนึ่งแล้วแต่ตลาดยังค่อนข้างเล็กเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆอย่างจีน เกาหลีใต้และสหรัฐฯ ที่มีสัดส่วนร้ อยละ 10, 9 และ 8 ของมูลค่าค้าปลีกสินค้าทั้งหมดตามลำดับ แต่เมื่อพิจารณาอัตราการขยายตัวของตลาดอีคอมเมิร์ซในไทยพบว่า เฉลี่ยไม่ต่ำกว่าร้อยละ 15 ต่อปีดังนั้น โอกาสในการทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ในไทยยังมีช่องว่างอีกมากสำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีรายใหม่ที่สนใจ”

“สำหรับการทำตลาดในประเทศไทย ลาซาด้ามีการใช้งบประมาณจำนวนมากและต่อเนื่อง โดยในปีนี ้จะเน้นที่ ออฟไลน์มากขึ้น รวมถึงกลยุทธ์ O2O เนื่องจากมองเห็นศักยภาพในการผลักดันผู้บริโภคจำนวนมากที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์ซื้อสินค้าผ่านออนไลน์ให้มาทดลองใช้งาน เพราะการแข่งขันในตลาดอีคอมเมิร์ซปีนี ้ยังคงดุเดือด แต่ละแพลทฟอร์มมีการดำเนินกลยุทธ์แตกต่างกัน ทำให้เราพยายามพัฒนากลยุทธ์เพื่อตอบสนองการใช้งานของลูกค้าอย่างตรงใจ โดยเฉพาะการเป็นแพลตฟอร์มที่ “เสิร์ชอะไรก็เจอ” ซึ่งเป็นหัวใจหลักในการให้บริการ ทำให้ยอดการส่งคืนสินค้าของลาซาด้าคงที่อยู่ราว 5% ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา และเพราะเราให้บริการโดยเน้นสร้าง Ecosystem ให้ความสำคัญกับทุกเรื่องตั้งแต่สินค้า ช่องทางชำระเงิน ธนาคารและระบบขนส่งสินค้า เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้ลาซาด้าแตกต่างจากรายอื่นรวมถึงการพัฒนาวอลเล็ทแบบ Closed Loop ในชื่อ “LAZADA Wallet” เพื่ออำนวยความสะดวกลูกค้าในการชำระหรือขอเงินคืน ซึ่งระบบของเราสามารถทำได้รวดเร็วแตกต่างกว่าการชำระผ่านช่องทางอื่น”

นางสาวนริสสา ลิมปนาทร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ซิลิงโก้ ประเทศไทย จำกัด “แพลตฟอร์ม แฟชั่นออนไลน์” กล่าวว่า “ในช่วง 5 ปี ที่ผ่านมา ประเทศไทยเติบโตในตลาดออนไลน์ค่อนข้างสูงมาก เป็ นอันดับต้นๆ ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งในภูมิภาคนี ้มักใช้การแข่งขันด้านราคามาเป็นกลยุทธ์ในการทำตลาดเป็ นส่วนใหญ่ ในขณะที่กลุ่มประเทศในโซนยุโรป อเมริกาจะมีความคุ้นชินกับอีคอมเมิร์ซมากกว่าและมีความคุ้นชินกับการใช้บัตรเครดิต เรื่องของการแข่งขันด้านราคาจึงไม่รุนแรงนัก แต่ในยุคที่ดิจิทัล ดิสรัปชั่น เราต้องปรับตัวหลายอย่างให้ทันกับตลาด

1) ต้องรู้ว่าปัญหาของลูกค้าค้าคืออะไร และหากลวิธีต่างๆ ตอบโจทย์ลูกค้าให้ได้ในอย่างที่ตลาดทั่วไปทำไม่ได้ เช่น การให้ซื้อของก่อนจ่ายทีหลัง การชำระเงินปลายทาง เป็นต้น

2) การขยายสินค้าและการกำหนดราคาให้เหมาะสม (Scalable & Optimize cost) ถ้าเป็นธุรกิจที่มาจากต่างประเทศ ต้องดูว่าตอบโจทย์คนในพื้นที่ได้แค่ไหน สอดคล้องกับวัฒนธรรมหรือไม่ เพราะไม่มีอะไรที่จะเหมาะกับทุกคน (One Size Fit All) ต้องมีการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสม

3) การเก็บข้อมูลและวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้าเป็นเร่ืองสำคัญมาก เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคมีผลกับดิสรัปชั่นในทุกธุรกิจ 

ลูกค้าคลิกอะไร ซื้อสินค้าอะไรมากที่สุด ใช้เวลากับผลิตภัณฑ์ใดมากที่สุด ทำให้สามารถโฟกัสได้ตรงจุดมากกว่าพฤติกรรมผู้บริโภคจึงเสมือนตัวกำหนดกลยุทธ์ของบริษัทในประเทศนั้นๆ”

“เทรนด์การทำธุรกิจออนไลน์ในไทยจากนี ้น่าจะแข่งขันกันสูง และมีรายใหม่ๆ ผันตัวเองมาทำตลาดออนไลน์มากขึ้น รวมถึงเป็น Omnichannel เพื่อตอบสนองไลฟ์ สไตล์ลูกค้าให้มากที่สุด นอกจากนี ้ แนวโน้มการทำตลาดออนไลน์ที่กำลังมาแรงที่สุดในตอนนี ้ คือ การตัดคนกลางระหว่างพ่อค้าแม่ค้าที่ทำธุรกิจกับโรงงานต่างๆ ในต่างประเทศ ซิลิงโก้จึงพยายามเข้าไปช่วยให้ผู้ทำธุรกิจเชื่อมตรงกับโรงงานหรือซัพพลายเออร์ได้โดยไม่ต้องผ่านคนกลาง

ทำให้ร้านค้าซื้อสินค้าได้ถูกลง ปลอดภัยกว่าและยังได้รับมูลค่าเพิ่มจากบริการที่ซิลิงโก้มี เราจะเป็นซัพพลายเออร์ตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ ตั้งแต่ซื้อของ ส่งของให้ และยังเปิดให้ขายสินค้าได้ที่แพลตฟอร์มของ B2C ได้อีกด้วย สำหรับโปรโมชันของ ซิลิงโก้จะเน้น ให้ลูกค้าได้สินค้าในราคาที่ถูกมากเหมือนได้ฟรี และคูปองโค้ดส่วนลดพิเศษกับลูกค้าเมื่อใช้บัตรเครดิตต่างๆ และที่ โดดเด่นและลูกค้าส่วนใหญ่ชอบคือ ของขวัญต่างๆ ที่แจกในโซเชียลมีเดีย การสร้างแรงบันดาลใจกับผู้บริโภค เช่น เทรนด์การแต่งตัวแบบไหนดี สินค้าไหนกำลังอินเทรนด์ และการให้เงินคืน (Cashback) ในซิลิงโก้ วอลเล็ท”

นางจุรีรัตน์ ก้องเกียรติวงศ์ หัวหน้าสายงานดิจิทัล แผนกเคร่ื่องสำอางชั้นสูง บริษัท ลอรีอัล(ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การทำธุรกิจออนไลน์และตลาดอีมาร์เก็ตเพลสในไทยและต่างประเทศมีความคล้ายและแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับการพัฒนาและการครองตลาดของผู้ประกอบการรายใหญ่ เช่น ประเทศที่พัฒนาแล้วมากๆ อย่าง อเมริกาที่มี Amazon เป็นผู้เล่นหลักในตลาด ทุกคนจะนึกถึงเป็นรีเทลแหล่งแรกๆ ในการซื้อของออนไลน์ในขณะที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะมีผู้เล่นหลากหลายที่แข่งขันกันอย่างดุเดือดเพื่อครองใจผู้บริโภคในการซื้อสินค้าออนไลน์ แต่ส่วนที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดคือ พฤติกรรมของลูกค้าในประทศพัฒนาแล้ว ลูกค้าส่วนมากจะคำนึงถึงความสะดวกสบายจากการซื้อออนไลน์เป็นสำคัญ ในขณะที่ประเทศอย่างบ้านเราผู้บริโภคจะพิจารณาความคุ้มค่ากับเงินที่จ่าย หรือส่วนลดต่างๆ เป็นสำคัญ สำหรับเทรนด์ของธุรกิจออนไลน์จะเกิดขึ้นเช่นเดียวกันทั่วโลก คือ อีมาร์เก็ตเพลสจะเป็นตลาดที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ อย่างรวดเร็วโดยที่ผู้ประกอบการในตลาดจะนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาในแพลตฟอร์ม เพื่อช่วยให้ผู้ซื้อสามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วขึ้น เช่น การซื้อรองพื้น เสื้อผ้า หรือสินค้าประเภทอื่นๆ ที่ผู้บริโภคต้องการดูว่าเหมาะกับตัวเองหรือไม่” 

“สิ่งสำคัญที่สุดของการทำธุรกิจออนไลน์ในยุคที่ดิจิทัล ดิสรัปชั่น คือ การคำนึงถึงลูกค้าผู้บริโภคเป็นหลัก ซึ่งส่งผลต่อการทำธุรกิจในหลายด้าน เช่น ในส่วนของการตลาด เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลง ตั้งแต่การเสพสื่อที่เน้นช่องทางดิจิทัลมากขึ้นในทุกเพศ ทุกวัย เราต้องวิเคราะห์และทำความเข้าใจว่าจะเข้าถึงลูกค้าแต่ละกลุ่มอย่างไร และจะมอบประสบการณ์ให้กับผู้บริโภคเหล่านั้นในช่องทางดิจิทัลให้ดีมากยิ่งขึ้นในทุกๆ จุดบริการของเราได้อย่างไร หรืออย่างช่องทางการขายสินค้าต่างๆ ธุรกิจต้องมองให้ออกว่าในแต่ละช่องทางลูกค้ามีความแตกต่างกันอย่างไรเพื่อใช้เป็นแนวทางในการคิดกลยุทธ์ที่เหมาะสมเพื่อท าการตลาดให้ลูกค้ากลุ่มต่างๆ มีส่วนร่วมได้ดีมากยิ่งขึ้น ซึ่งทางลอรีอัลเอง ได้มองถึงการจับมือกับธุรกิจอีคอมเมิร์ซต่างๆ รวมถึงผู้ให้บริการ (Service Provider) เพื่อเพิ่มโอกาสและทดลองสิ่งใหม่ๆ กับ พันธมิตรเหล่านี ้ รวมถึงการสร้างโอกาสในการขยายช่องทางการขายใหม่ๆ ที่เหมาะสมกับลูกค้า ตลอดจนการปรับเปลี่ยนองค์กรเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงจากกระแสดิจิทัล ดิสรัปชั่น ก็เป็นเรื่องที่เราให้ความสำคัญ ดังนั้น การที่จะทำให้ลอรีอัลมีกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้น โดยการน าพาแบรนด์เข้าไปอยู่ในโมเม้นท์ต่างๆ ของลูกค้าได้ โดยที่ยังคงรักษา Brand Equity และตัวตนของแบรนด์(Brand Identifly)ไว้ในแพลตฟอร์มอื่นๆ ได้ด้วย เช่น อีมาร์เก็ตเพลส ก็จะยิ่งทำให้ ลอรีอัล เข้าถึงลูกค้าในช่องทางขายใหม่ๆ ได้ ประกอบกับการเติบโตของอีมาร์เก็ตเพลส จะช่วยเพิ่มโอกาสในการหาลูกค้าใหม่รวมทั้งสร้างความร่วมมือกับลูกค้าได้ดีขึ้นด้วยเช่นกัน”

นางสาวกีรติ โรจนกีรติกานต์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท พอลพ่า บาย ดามาคัน จำกัด กล่าวว่า “ธุรกิจออนไลน์ในประเทศไทยต้องใช้การเข้าถึงตัวบุคคลค่อนข้างมาก ช่องทางการตลาดผ่าน Influencer จึงมีประสิทธิภาพมากในแถบเอเชียไมใช่แค่ในประเทศไทย เพราะคนไทยชอบการรีวิว และการเข้าถึงโลกออนไลน์ได้ง่าย เช่น การทำธุรกิจบน LINE เพราะคนไทยเลือกที่จะ Add LINE แล้วได้สื่อสารตรงกับผู้ขายมากกว่า การที่คนอยู่กับโลกดิจิทัลเฉลี่ย 24 ชั่วโมงต่ออาทิตย์

ถือเป็นปัจจัยหลักที่มีผลกระทบกับธุรกิจทุกประเภท แม้กระทั่งธุรกิจโรงเรียนที่ไม่เคยทำโฆษณาออนไลน์ก็ต้องหันมาใช้บริการ เพราะคนอยู่บนโลกของโซเชียลมีเดียกันมากขึ้น โฆษณาที่นิยมในอเมริกาสุดตอนนื ้คือผ่านช่องทางอินสตาแกรม ในแง่ของธุรกิจหันมาทำออนไลน์อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นรายย่อยหรือรายใหญ่ ความท้าทายที่เกิดขึ้นตอนนี ้คือ คู่แข่งเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เกิดการแข่งขันในเรื่องราคาสูง แต่ในด้านบริการก็ต้องคงคุณภาพให้ดีเสมอ แม้กระทั่งอาชีพรับจ้าง อย่างเช่น คนขับมอเตอร์ไซค์รับจ้างตอนนี ้มีทางเลือกในการทำงานกับหลากหลายบริษัท การทำโฆษณาบนออนไลน์จะเป็นแบบ Paid Media มากขึ้น การทำธุรกิจออนไลน์เพื่อให้ได้ลูกค้าแบบออร์กานิคหรือไม่ซื้อสื่อค่อนข้างเป็นไปได้ยาก”

“พอลพ่า เป็นสตาร์ทอัพจำหน่ายอาหารพรีเมี่ยมเพื่อสุขภาพ ที่ได้รับการลงทุนจาก Y Combinator ผู้ก่อตั้ง Dropbox กับ AirBNB ในประเทศ และยังเป็นการรวมตัวของบุคลากรที่มีความสามารถและประสบการณ์จากธุรกิจชั ้นนำที่เกี่ยวข้อง พอลพ่าจึงเป็นบริษัทเดียวที่ให้บริการอาหารพร้อมส่ง (Food Delivery) ที่ทำงานเองทุกอย่างแบบครบวงจร