ธนาคารกรุงเทพ นำ 8 ทีมสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการเงิน โชว์ความสำเร็จในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ และกระบวนการทำงานของธนาคาร ที่จะช่วยตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมถึงแนะนำนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ให้กับพันธมิตรของธนาคาร องค์กรภาครัฐและภาคเอกชนในระบบนิเวศด้านนวัตกรรมของประเทศไทย ในการนำเสนอผลงานบนเวที งาน Demo Day 2019 - Bangkok Bank InnoHub Season 2, Unleash the Potential
นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ด้วยความร่วมมือของธนาคารกรุงเทพ กับ ‘เนสท์’ พันธมิตรผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมการลงทุนชั้นนำระดับโลก ในการต่อยอดความสำเร็จของโครงการ Bangkok Bank InnoHub โปรแกรมอบรมและพัฒนาศักยภาพทางธุรกิจอย่างเข้มข้น เพื่อให้คำแนะนำและแนวทางที่ชัดเจนในการช่วยสนับสนุนให้สตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการเงิน ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ และกระบวนการทำงานของธนาคารที่สามารถนำไปใช้ได้จริง ซึ่งจะช่วยตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและกว้างมากยิ่งขึ้น รวมถึงแนะนำนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ให้กับพันธมิตรของธนาคาร องค์กรภาครัฐและภาคเอกชนในระบบนิเวศด้านนวัตกรรม
‘Bangkok Bank InnoHub นอกจากจะช่วยสนับสนุนประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางด้านนวัตกรรมแล้ว เครือข่ายต่างประเทศของธนาคารยังช่วยเชื่อมโยงสตาร์ทอัพสู่โอกาสที่เปิดกว้างในประเทศไทยและในภูมิภาคอาเซียนอีกด้วย’ นายชาติศิริกล่าว
มร. ลอร์เรนซ์ มอร์แกน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เนสท์ กล่าวว่า “Bangkok Bank InnoHub Season 2 แสดงให้เห็นว่าความร่วมมือระหว่างองค์กรและสตาร์ทอัพที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนอนาคตฟินเทคในประเทศไทย ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่เนสท์ทำงานร่วมกับธนาคารกรุงเทพ ก่อให้เกิดความสำเร็จมากมาย จากการที่สตาร์ทอัพได้ผ่านขั้นตอน Proof-of-Concept ในขณะที่เข้าร่วมโปรแกรม และการที่ธนาคารมีความคล่องตัวมากขึ้นในการเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ๆ และนำมาปรับใช้ในองค์กร
ดร.เปาว์ ศรีประเสริฐสุข ผู้จัดการฝ่ายนวัตกรรม และหัวหน้าโครงการ Bangkok Bank InnoHub ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารเน้นทำงานด้วยความเข้าใจในมุมมองของสตาร์ทอัพ ผู้เข้าร่วมโปรแกรมเป็นสตาร์ทอัพที่เติบโตแล้ว ที่ไม่เพียงแค่ต้องการความรู้จากธนาคาร แต่ทุกทีมต้องการโอกาสในการร่วมงานกับธนาคาร โดยโครงการ Bangkok Bank InnoHub มีความโดดเด่นไม่เหมือนใคร เนื่องจาก
เป็นโปรแกรมที่มุ่งสร้างสรรค์เทคโนโลยีที่นำไปใช้ในธุรกิจได้จริง สตาร์ทอัพจะได้รับโอกาสในการทดสอบการใช้งานและความเป็นไปได้ ตลอดจนทดลองผลิตภัณฑ์ต้นแบบ เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด และพบปะกับนักลงทุนที่มีศักยภาพ โดยในช่วงต้นของโปรแกรม 12 สัปดาห์ สตาร์ทอัพได้ทำงานร่วมกับผู้บริหารและทีมงานธนาคารกรุงเทพที่เกี่ยวข้องจากหน่วยงานต่างๆ ที่เข้ามาช่วยสตาร์ทอัพในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ใช้งานจริงได้ตั้งแต่เริ่มต้น
สำหรับสตาร์ทอัพ 8 ทีม ที่ผ่านการคัดเลือกจากผู้สมัครจำนวน 128 ทีม จาก 28 ประเทศทั่วโลก และผ่านการบ่มเพาะในโครงการ Bangkok Bank InnoHub ที่พร้อมนำเสนอนวัตกรรมในงาน Demo Day นี้ ประกอบไปด้วย ทีม Antworks ประเทศสิงคโปร์ ผู้พัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และระบบอัติโนมัติอัจฉริยะระดับโลก ทีม CryptoMove ประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้พัฒนาระบบรักษาความปลอดภัยข้อมูลสำหรับโครงสร้างพื้นฐานบนระบบคลาวด์ ทีม EYWA Media ประเทศสิงคโปร์ ผู้พัฒนาเทคโนโลยีการตลาดข้ามแพลตฟอร์มในการเชื่อมโยงบริการได้หลากหลายช่องทางทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้า และสร้างรายได้ในรูปแบบใหม่ ทีม Jumper.ai ประเทศสิงคโปร์ ผู้พัฒนาร้านค้าออนไลน์ (โซเซียล คอมเมิร์ซ) ด้วยเทคโนโลยี AI ทีม Pand.ai ประเทศสิงคโปร์ ผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยี AI สำหรับสถาบันการเงิน ในภูมิภาคเอเชีย ทีม Pymlo เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ผู้พัฒนาโปรแกรมบัญชีบนระบบคลาวด์ สำหรับธุรกิจเอสเอ็มอี และสตาร์ทอัพ ทีม Sepulsa ประเทศอินโดนีเซีย ผู้พัฒนาระบบชำระเงินผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ ทีม Vymo ประเทศอินเดีย ผู้พัฒนาระบบผู้ช่วยส่วนตัวสำหรับพนักงานขาย ด้วยเทคโนโลยี AI
‘สตาร์ทอัพ 3 ทีม ได้เข้าสู่ขั้นตอนการพิจารณาความเป็นไปได้ในการทำธุรกิจร่วมกัน (scoping) ในขณะที่อีก 3 ทีม ได้ผ่านการประเมินความเป็นไปได้ในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีภายใต้บริบทของภาคธุรกิจการเงินในประเทศไทย (Proof-of-Concept) และอีก 2 ทีม อยู่ระหว่างดำเนินการโครงการนำร่อง (pilot) กับธนาคาร’ ดร.เปาว์ กล่าว
ธนาคารกรุงเทพ จัดโครงการอบรมและพัฒนาศักยภาพทางธุรกิจ Bangkok Bank InnoHub ขึ้นเป็นปีที่ 2 ระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2561 ถึง เดือนมีนาคม 2562 โดยเฟ้นหาสตาร์อัพจากทั่วทุกมุมโลก ภายใต้แนวคิด ‘Inspiring Change – Unleash the Potential’ และมุ่งเน้นไปที่ 5 กลุ่มหลัก ประกอบด้วย 1.Creating Unique Customer Experience 2.Digitization and Automation 3.Future SME Solution 4.Innovative Payment และ 5.Discovering Cutting Edge Technology ด้วยธนาคารเล็งเห็นถึงประโยชน์และความมุ่งมั่นนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการเงิน มาพัฒนาระบบนิเวศด้านนวัตกรรมของประเทศไทย และจุดแข็งในด้านการมุ่งทำงานกับสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพและเติบโตแล้ว เพื่อนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาต่อยอดบริการทางการเงิน และดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล และยังให้ความสำคัญในการพัฒนาความสัมพันธ์ทางธุรกิจในระยะยาวกับสตาร์ทอัพที่เข้าร่วมโครงการ