แต่ละคนย่อมมีเหตุผลของการเปิดบัญชีแตกต่างกัน ตอนเด็กเรามีบัญชีเงินฝากก็เพราะคุณพ่อคุณแม่จะฝึกนิสัยรักการออมเงินและเผื่อไว้โอนเงินค่าเล่าเรียนค่าใช้จ่ายประจำวันให้กับเรา พอเข้าสู่ชีวิตคนทำงานก็ต้องมีบัญชีเงินฝากไว้สำหรับรับเงินเดือนค่าจ้าง เพื่อนำไปออมต่อ หรือลงทุนในรูปแบบต่างๆ แต่ที่ปฏิเสธไม่ได้เลย ทุกคนมีบัญชีเงินฝากไว้ “เพื่อใช้” กันทั้งนั้นแหละ

แล้วจะเลือกบัญชีเงินฝากที่เหมาะสมกับเราได้อย่างไร ในเมื่อธนาคารแทบทุกแห่งต่างโปรโมทผลประโยชน์คล้ายๆ กันทั้งนั้น ยิ่งในยุคนี้จะทำธุรกรรมอะไรก็รวดเร็วทันใจเพียงปลายนิ้วสัมผัสกับแอพลิเคชั่นสุดไฮเทค ซึ่งใครๆ ก็ทำกันหมดแล้ว ฉะนั้นถ้าทางเลือกมันมีมาก ยากเกินจะตัดสินใจ แนะนำให้ใช้ “ตัวเอง” เป็นเกณฑ์ เป็นคนแบบไหนก็เลือกเปิดบัญชีเงินฝากที่ตอบสนองตัวตนให้สุดทางกันไปเลย

1.เป็นนักทำธุรกรรมการเงินตัวยง ลองจับสังเกตตัวเองว่าเราทำการกด ถอน โอน จ่าย หรือเติมเงินบ่อยแค่ไหน แล้วความบ่อยนั้นทำให้เราต้องห่วงกังวลว่าต้องหาตู้ทำธุรกรรมธนาคารเจ้าของบัญชีเท่านั้นหรือเปล่า ถ้ามันยุ่งยากเกินไปเพราะต้องเดินหาตู้ หรือต้องคอยนับจำนวนครั้งที่ถึงกำหนดต้องจ่ายค่าธรรมเนียม แล้วก็จำไม่ได้ งงกับตัวเองอยู่สักพัก แล้วกลายเป็นถูกหักค่าธรรมเนียมจากบัญชีออกไปเสียดื้อๆ ทำให้หงุดหงิดใจไปทั้งวัน อย่างนั้นเราควรเลือกทำบัญชีเงินฝากที่ให้อิสระกับการทำธุรกรรมของเราอย่างไร้เงื่อนไข จะกดที่ตู้ไหนก็ได้ เมื่อไรกี่ครั้งก็ได้ โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมจะดีกว่า

2.เป็นนักช้อปทุกลมหายใจเข้าออก ถ้าบัญชีพร้อมบัตรที่มีอยู่ไม่ตอบโจทย์การช้อปปิ้งถึงขีดสุดได้ ก็อย่าครอบครองไว้ให้เปลืองพื้นที่กระเป๋าและเสียเวลาเลย บัญชีเงินฝากเพื่อใช้ควรให้อิสระในการจับจ่ายซื้อสินค้าและบริการได้เต็มที่โดยเราไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง ยิ่งตอนนี้คนนิยมช้อปปิ้งออนไลน์มากขึ้น แต่ความเสี่ยงก็ยังมีอยู่ บางคนได้ของผิดสเปก หรือที่ร้ายกว่านั้น อุตส่าห์รอตั้งนาน ของดันหายระหว่างทางเสียอย่างนั้น ดังนั้นการมีบัญชีที่ให้ประกันความคุ้มครองด้วยการคืนเงินตามจริง หรือชดเชยให้สูงสุด ก็ทำให้อุ่นใจกว่า ไม่ได้ของที่ต้องการแต่ก็ยังได้เงินคืนกลับมาซื้อเจ้าใหม่ ส่วนนักช้อปในร่างนักท่องเที่ยวที่ต้องซื้อของเมื่อเดินทางไปต่างประเทศ สิ่งที่จะทำให้รู้สึกคุ้มค่าที่สุด คงเริ่มตั้งแต่แลกเงินไปถูกกว่า เพื่อให้มูลค่าเงินต่างแดนของเราสูงขึ้นอีกนิดนึงก็ยังดี แต่ก็ต้องยอมรับว่าเรามักคาดการณ์ผิดเสมอ แลกไปไม่พอกับการช้อปปิ้ง หรือไม่ก็ต้องจำกัดจำเขี่ยไม่ให้ใช้เกินเงินที่แลกไป อึดอัดสุดๆ ฉะนั้นการได้อภิสิทธิ์ในการรูดบัตร โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมรูดจ่ายผ่านบัตรเดบิตหรือชาร์จค่าความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงินเพิ่ม (FX Rate) 2.5% เมื่ออยู่ต่างประเทศ แถมได้เรทถูกทุกสกุลเงินนี่สิ ถึงจะเรียกว่าอิสระทางการเงินเพื่อการช้อปปิ้งอย่างแท้จริง

3.เป็นนักวางแผนเพื่อทุกคนในครอบครัว ใครจะเชื่อว่าบัญชีเงินฝากจะทำให้เรารู้สึกเหมือน “ฝากชีวิต” ไว้ด้วยได้ ยกตัวอย่างการมีบัญชีที่ให้สิทธิประโยชน์เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระเจ้าของบัญชีให้มีหลักประกันที่ดีขึ้นโดยไม่ต้องมีภาระด้านค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เช่น ประกันอุบัติเหตุฟรีสำหรับเจ้าของบัญชี โดยให้วงเงินสูงสุดถึง 20 เท่าของเงินฝาก ลองคิดดูว่ามันจะดีขนาดไหน นี่คือการทำให้เงินทำงานแทนเราได้อีกทางหนึ่ง เพราะแทนที่จะต้องไปทำประกันอุบัติเหตุเอง ต้องเสียเงินเพิ่มจากที่ต้องเก็บหอมรอมริบไว้กินไว้ใช้จ่ายในครอบครัวเพื่อเอาไปจ่ายเบี้ยประกัน ก็กลายเป็นได้กรรมธรรม์มานอนกอดแบบฟรีๆ จะหาที่คุ้มกว่านี้น่าจะยากแล้วล่ะ

และไม่ว่าคุณจะใช้เหตุผลในการเลือกบัญชีเงินฝากเพื่อใช้อย่างไร หลังจากครอบครองบัญชีแล้ว วินัยทางการเงินควรเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงอยู่เสมอ เพราะไม่ว่าคุณจะมีอิสระทางการเงินเพียงไร อย่าลืมว่า นั่นมันเงินของคุณที่หามาอย่างยากเย็นจากหยาดเหงื่อแรงงาน จึงไม่ควรสุรุ่ยสุร่ายใช้เกินตัวไปมาก แต่จงหาตัวช่วยที่ทำให้คุณใช้มันได้อย่างคล่องตัวบนพื้นฐานใช้อย่างมีสติ...จะดีกว่าและดีที่สุด

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : TMB ALL FREE