การเคหะแห่งชาติคาดประชาชนให้ความสนใจโครงการที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 1 ล้านมากขึ้น หลังจากที่รัฐบาลได้ปล่อยนโยบายมาช่วยเหลือประชาชนที่ต้องการที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองมากมาย อาทิ โครงการบ้าน ล้านหลัง และมาตรการลดภาระค่าธรรมเนียมสำหรับการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมกรณีอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง เหลือ 0.01% เป็นต้น
ดร.ธัชพล กาญจนกูล ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวว่า การเคหะแห่งชาติได้นำโครงการที่อยู่อาศัยร่วมโครงการบ้านล้านหลังของธนาคารอาคารสงเคราะห์เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งได้เปิดให้ประชาชนทั่วไปที่เป็นกลุ่มคนที่มีรายได้น้อยซึ่งมีรายได้ไม่เกิน 25,000 บาทต่อเดือน ได้จองสิทธิสินเชื่อ
โดยมีประชาชนให้ความสนใจจองสิทธิ จำนวนมาก ซึ่งล่าสุดธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ได้อนุมัติเงินกู้แล้วจำนวน 5,000 ราย ในจำนวนนี้มีลูกค้าของการเคหะแห่งชาติรวมอยู่ด้วย 345 ราย ส่วนผู้ขอยื่นกู้ที่เหลือกำลังอยู่ระหว่างตรวจสอบและจะเร่งอนุมัติเงินกู้ให้แล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคม 2562 ก่อนจะเปิดให้ลงทะเบียนโครงการบ้านล้านหลังระยะที่ 2 ภายในเดือนกันยายน 2562 นี้
สำหรับโครงการที่อยู่อาศัยที่ของการเคหะแห่งชาติที่เปิดให้จองสิทธิในโครงการบ้านล้านหลัง มีทั้งบ้านเดี่ยว 2 ชั้น บ้านแฝด 2 ชั้น ทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น และอาคารชุดสูง 3 - 5 ชั้น ราคาขายเริ่มต้นตั้งแต่ 374,000 บาท โดยมีทำเลที่น่าสนใจทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เช่น ร่มเกล้า รามอินทรา (คู้บอน) นครชัยศรี (ท่าตำหนัก) นนทบุรี (วัดกู้ 2) ปทุมธานี (ลาดหลุมแก้ว 2) ตลาดไท (เทพกุญชร 34)
สมุทรปราการ (เทพารักษ์ 3) เมืองใหม่บางพลี สมุทรสาคร (กระทุ่มแบน 2) เป็นต้น และในพื้นที่ต่างจังหวัด เช่น สระบุรี (หนองน้ำไข่) พิษณุโลก (บึงพระ 1) ฉะเชิงเทรา (ลาดขวาง) ชลบุรี (นาจอมเทียน และนาเกลือ) ระยอง (บ้านฉาง 3) นครราชสีมา (โชคชัย) เชียงใหม่ (ป่าตัน) เชียงใหม่ (สันป่าตอง) ภูเก็ต (ถลาง) สงขลา (หาดใหญ่ - ลพบุรีราเมศวร์) และบุรีรัมย์ (อิสาณ 2) เป็นต้น
ทั้งนี้ โครงการที่อยู่อาศัยของการเคหะแห่งชาติที่เข้าร่วมในโครงการบ้านล้านหลังนั้นมีราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท สามารถเข้าเงื่อนไขหลักเกณฑ์ของมาตรการลดภาระค่าธรรมเนียมสำหรับการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมกรณีอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลางของทางรัฐบาลที่ได้ออกมาเพื่อสนับสนุนให้ประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองในราคาซื้อขายไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อหน่วย
ด้วยการลดอัตราค่าธรรมเนียมจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยและจดจำนองอสังหาริมทรัพย์ ประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝดและบ้านแถว จากร้อยละ 2 เหลือร้อยละ 0.01 ของราคาประเมิน และลดอัตราค่าธรรมเนียมจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดและการจดจำนอง จากร้อยละ 1 เหลือร้อยละ 0.01 ของราคาประเมิน
โดยมีระยะเวลาในการดำเนินมาตรการเป็นเวลา 1 ปี ซึ่งจะส่งผลให้มีเงินหมุนเวียนในการลงทุนมากขึ้น รวมทั้งทำให้เกิดการทบทวนแผนการลงทุนในที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลางมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีหลังให้เกิดการใช้จ่าย การจ้างงาน การกระจายรายได้ในภาพรวมของประเทศ และเชื่อมโยงไปยังธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
ส่งผลให้เศรษฐกิจเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยการเคหะแห่งชาติจะเร่งประชาสัมพันธ์และทำหนังสือแจ้งแก่ลูกค้าที่ต้องการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยและจดจำนองอสังหาริมทรัพย์ ให้รีบมายื่นคำร้องได้ที่สำนักงานเคหะที่ดูแลได้ทั่วประเทศ