กรมพัฒน์ฯ จัดพิธีมอบหนังสือรับรองธุรกิจแฟรนไชส์ผ่านการพัฒนาตามเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพธุรกิจ ส่งเสริมให้เติบโตอย่างมีศักยภาพ เตรียมพร้อมผลักดันธุรกิจแฟรนไชส์ให้สามารถขยายตลาดในระดับสากล
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จัดพิธีมอบหนังสือรับรองผู้ผ่านการพัฒนาตามเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพการบริหารจัดการธุรกิจระบบแฟรนไชส์ เพื่อยกระดับ สร้างมาตรฐาน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจแฟรนไชส์ รวมถึงเป็นการสร้างแรงจูงใจและกระตุ้นให้ผู้ประกอบธุรกิจเห็นถึงความสำคัญและประโยชน์ของการพัฒนายกระดับด้วยเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพธุรกิจ โดยในปีนี้มีธุรกิจที่ผ่านการพัฒนาเกณฑ์มาตรฐาน จำนวน 65 ราย
นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า "การสร้างความเข้มแข็งให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในปัจจุบัน จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยี นวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์ เป็นตัวช่วยขับเคลื่อนธุรกิจให้ก้าวสู่การเป็น Smart Entrepreneur แต่การจะเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งนั้น ต้องผ่านการวางรากฐานที่แข็งแรง ตั้งแต่วิธีคิด กระบวนการทำงานที่มีประสิทธิภาพ และมีขีดความสามารถทางการตลาด
ซึ่งเป็นแนวทางหลักในการส่งเสริมธุรกิจของกรมฯ รวมทั้งธุรกิจแฟรนไชส์ไทย โดยเริ่มต้นตั้งแต่การวางรากฐานการสร้างความเป็นธุรกิจแฟรนไชส์ให้แก่ธุรกิจที่มีการพัฒนาการประกอบธุรกิจและประสบความสำเร็จในการสร้างตราสินค้าให้เป็นที่ยอมรับและพร้อมต่อการขยายตลาดในพื้นที่ต่างๆ เข้าสู่ความเป็นผู้ขายแฟรนไชส์ "แฟรนไชส์ซอร์" ที่สามารถขยายการลงทุนและการร่วมกันดำเนินการทางการตลาดร่วมกับแฟรนไชส์ซี
"ผู้ซื้อแฟรนไชส์" และพัฒนาต่อยอดด้วยเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพธุรกิจแฟรนไชส์ที่กรมฯ พัฒนาขึ้น เพื่อเป็นเครื่องมือยกระดับศักยภาพธุรกิจ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจแฟรนไชส์ ให้มีการบริหารจัดการ เป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตลอดจนสร้างความน่าเชื่อถือผู้ลงทุนและผู้บริโภคสร้างความยั่งยืนแก่ธุรกิจ"
"รวมถึงการสร้างภาพลักษณ์ วางกลยุทธ์ สร้างรูปแบบการตลาดที่จะทำให้แฟรนไชส์ซอร์และแฟรนไชส์ซี สามารถเติบโตขยายสาขา ขยายการลงทุนในประเทศ และพร้อมขยายธุรกิจให้แก่ผู้ลงทุนในต่างประเทศ เริ่มต้นจาก CLMV และขยายสู่ประเทศต่างๆ ทั่วโลก พร้อมกับการเผยแพร่สร้างการรับรู้และการยอมรับธุรกิจแฟรนไชส์ไทย ผ่านสื่อประชาสัมพันธ์ ผ่านงานแสดงธุรกิจ การเจรจาจับคู่ธุรกิจ ด้วยการบูรณาเชื่อมโยงองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญจากหน่วยงานรัฐและเอกชน เพื่อการพัฒนาอย่างครบวงจร"
"สำหรับปีนี้มีธุรกิจที่ผ่านการพัฒนาตามเกณฑ์มาตรฐานฯ จำนวน 65 กิจการ ประกอบด้วย ธุรกิจอาหาร จำนวน 33 ราย ธุรกิจเครื่องดื่ม จำนวน 12 ราย ธุรกิจบริการ จำนวน 6 ราย ธุรกิจเบเกอรี่ จำนวน 5 ราย ธุรกิจการศึกษา จำนวน 4 ราย ธุรกิจค้าปลีก จำนวน 4 ราย และธุรกิจความงามและสปา จำนวน 1 ราย โดยมีธุรกิจที่ได้รับคัดเลือกเป็นต้นแบบที่ดี (Best Practice) จำนวน 10 ราย ได้แก่
บจ. เอ.ที.พี.เฟรนด์ เซอร์วิส (Ship Smile Services) บจ. ชาบูพุงกาง (ชาบูพุงกาง) บจ. ฟีนิกซ์ ลาวา (Phoenix Lava) บจ. รินริน (2018) (RIN RIN) บจ. โกโบริฟู้ด (เฉาก๊วยโกโบริ) บจ. ดัลลัส สเต็กส์ (ประเทศไทย) (ดัลลัส) บจ. กู๊ดฟู้ดส์ คอร์ปเปอเรชั่น (Goodday) บจ. จอย แอนด์ คอยน์ คอร์ปอเรชั่น (JC imart) บจ. ตี๋เล็กฟู้ดส์ (ตี๋เล็ก ขนมจีบ ซาลาเปา และติ่มซำ) และ หจ. วานากะ ทาโกะยากิ (Wanaka Takoyaki)"
"แฟรนไชส์ ถือเป็นรูปแบบธุรกิจอย่างหนึ่งที่ช่วยสร้างการเติบโตทางธุรกิจด้วยเส้นทางลัด แต่การจะผลักดันธุรกิจเข้าไปสู่ระบบแฟรนไชส์และประสบความสำเร็จได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะธุรกิจที่จะก้าวไปสู่การเป็นแฟรนไชส์ต้องมีความพร้อมและแข็งแกร่งที่จะสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ซื้อและผู้ขายแฟรนไชส์ที่ถือเป็นคู่หูทางธุรกิจที่ต้องร่วมกันทำงานให้เกิดความยั่งยืน นอกจากนี้ ธุรกิจแฟรนไชส์ยังเป็นธุรกิจที่สามารถสร้างศักยภาพที่จะแข่งขันในตลาดระดับสากล สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศ" อธิบดี กล่าวในท้ายที่สุด
ปัจจุบันธุรกิจแฟรนไชส์ไทยมีมูลค่าตลาดโดยรวมกว่า 2 แสน 8 หมื่นล้านบาท มีอัตราเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 20.3 ต่อปี โดยในแต่ละปีมีผู้ประกอบการรายใหม่ๆ ที่สนใจเข้าสู่ธุรกิจแฟรนไซส์ ถึงกว่า 15,000-20,000 ราย ประกอบด้วยธุรกิจ 5 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ที่มีสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 50 และรองลงมา คือ กลุ่มค้าปลีก กลุ่มธุรกิจบริการ กลุ่มธุรกิจความงามและสปา และกลุ่มธุรกิจการศึกษา ซึ่งนับเป็นแนวโน้มการเติบโตที่ดีเมื่อเทียบกับภาพรวมเศรษฐกิจประเทศ