ขึ้นชื่อว่า “ขนมไทย” ในบ้านเรามีหลากหลายรูปแบบและหลากหลายประเภท รวมทั้งมีกรรมวิธีหลากหลายที่บ่งบอกถึงความเป็นเอกลักษณ์ของคนไทย ในช่วงหนึ่งของประวัติศาสตร์ในสมัยกรุงศรีอยุธยา คนไทยรู้จักการทำขนมโดยใช้ “ไข่ไก่” มาเป็นส่วนประกอบการทำขนม เมื่อผสมกับวัตถุดิบอื่นกลายเป็นขนมอีก 1 เมนู
และขนมไทยที่มีส่วนผสม “ไข่ไก่” อีกอย่างที่เชื่อว่าหลายคนจะต้องชื่นชอบแน่นอน นั่นก็คือ “ขนมหม้อแกง” ที่มีรสชาติหวานมันหอมกรุ่นกลิ่นกะทิใบเตย ซึ่ง ชี้ช่องรวย ได้นำเอาสูตรการทำขนมหม้อแกงมาแนะนำ 3 สูตร ด้วยกัน ได้แก่ หม้อแกงไข่ หม้อแกงถั่ว และ หม้อแกงเผือก มาฝึกปรือฝีมือกัน เผื่อจะได้ปูทางเปิดร้านขายขนมไทยกับเขาบ้าง เราไปดูวิธีทำกันเลยค่ะ
1.หม้อแกงไข่
หม้อแกงไข่ (Thai Egg Custard) ขนมหม้อแก้งมีอีกชื่อ คือ “ขนมกุมภมาศ” แปลว่า หม้อน้ำสีทอง แต่เดิมขนมหม้อแกงจะทำเฉพาะในงานบุญ งานเทศกาลสำคัญต่างๆ และมีเพียงหม้อแกงไข่ ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 4 กรุงรัตนโกสินทร์ ชาวเมืองเพชรบุรี ได้พัฒนาขนมหม้อแกงให้หลากหลายมากขึ้นจนเป็นที่โด่งดังไม่ว่าจะเป็นหม้อแกงเผือก หม้อแกงเม็ดบัว เป็นต้น
วัตถุดิบหม้อแกงไข่ (สำหรับ 4-5 ที่ ขึ้นอยู่กับขนาดของพิมพ์ที่อบ)
1.ไข่เป็ด 3 ฟอง
2.ไข่ขาว(ไข่ไก่) 10 ฟอง
3.น้ำตาลทราย 200 กรัม
4.น้ำตาลปี๊บอย่างดี 300 กรัม
5.แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1/4 ถ้วย
6.น้ำมันพืช (ได้จากเจียวหอม) 3/4 ถ้วย
7.กะทิสดหรือหัวกะทิ 2 1/2 ถ้วย
8.ใบเตยหอมหั่นท่อน
อุปกรณ์ที่ใช้
-พิมพ์อลูมิเนียม กระทะ ชามผสม
วิธีทำหม้อแกงไข่
1.เตรียมอ่างผสม ตอกไข่เป็ดลงไป ผสมกับไข่ขาว ตามด้วยใบเตย น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย ขยำจนสวนผสมไข่และน้ำตาลละลายเข้ากัน ค่อยๆใส่แป้งและกะทิ นวดจนเข้ากัน แล้วนำมากรองเอาเศษสกปรกออก
2.นำส่วนผสมที่กรองไว้ ผสมกับน้ำมันพืชที่ได้จากการเจียวหอม ตักหยอดใส่พิมพ์ วางบนถาดที่หล่อน้ำไว้ เตรียมเข้าเตาอบ
3.ใช้อุณหภูมิ 180-200 องศาเซลเซียส ประมาณครึ่งชั่วโมง เมื่อสุก ให้นำออกมาโรยหอมเจียว เพื่อเพิ่มกลิ่นเล็กน้อย ก่อนจัดเสิร์ฟ
ขอขอบคุณเนื้อหาและภาพประกอบจาก : http://www.foodtravel.tv
2.หม้อแกงถั่ว
เจ้าของสูตรนี้คือ คุณสมาชิกหมายเลข 3128333 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม เป็นสูตรที่ทำง่าย ขั้นตอนไม่ยุ่งยากซับซ้อน ไม่ต้องใช้เครื่องมือเยอะ เป็นเมนูที่ใคร ๆ ก็ทำได้
ส่วนผสม ขนมหม้อแกง
1.ถั่วเขียวนึ่งบดละเอียด 200 กรัม
2.ไข่เป็ด (ขนาดใหญ่) 5 ฟอง
3.ใบเตย
4.น้ำตาลปี๊บ 250 กรัม (สูตรแม่สลิ่มใช้ 280 กรัม)
5.หัวกะทิ 400 กรัม
6.หอมแดงซอย 50 กรัม (หรือมากน้อยตามชอบ)
7.น้ำมันพืช
วิธีทำขนมหม้อแกง
1.เจียวหอมแดงโดยใส่น้ำมันพืชลงในกระทะตามด้วยหอมแดง เจียวให้เหลือง จากนั้นตักขึ้นกรองเอาน้ำมันออก
2.ตอกไข่ลงในชาม นำใบเตยที่ล้างทำความสะอาดอย่างดีแล้วใส่ลงไป ล้างมือให้สะอาด ขยำใบเตยจนไข่ขึ้นฟู
3.ใส่น้ำตาลปี๊บลงไปขยำให้เข้ากันดี เติมหัวกะทิ ขยำอีกรอบให้เข้ากัน
4.นำไปกรองด้วยผ้าขาวบาง 1 รอบ หรือจะกรองด้วยกระชอน 1 รอบก็ได้ จากนั้นกรองด้วยผ้าขาวบางอีก 1 รอบ
5.หลังกรองเสร็จใส่ถั่วเขียวนึ่งและบดลงไป ใช้มือขยำหรือวนๆ คนๆ ให้ถั่วไม่เป็นก้อน
6.นำกระทะตั้งไฟเพื่อกวนส่วนผสมขนม ใส่น้ำมันหอมเจียว 3 ช้อนโต๊ะ เพื่อให้ขนมมีกลิ่นหอมและชูรสชาติให้อร่อยขึ้น ใส่ส่วนผสมขนมลงไปกวนประมาณ 5 นาที หรือจนขนมข้นขึ้น
7.พอเนื้อเข้ากันก็ยกลงเทใส่พิมพ์ ขยับๆ พิมพ์สักหน่อย ให้หน้าขนมเรียบเสมอกัน นำเข้าไปอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ถึง 200 องศาเซลเซียส นาน 40 นาที จะไปขนมหม้อแกงถั่วที่หอม หวาน มัน อร่อย จากเตาร้อนๆ เลยล่ะค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณสมาชิกหมายเลข 3128333 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ เฟซบุ๊ก Pimmy ชวนกินของอร่อย
3.หม้อแกงเผือก
ส่วนผสมและเครื่องปรุง
1.ไข่เป็ด 10 ฟอง
2.กะทิอัมพวา 2 ขวด (ขวดละ 250 มิลลิลิตร)
3.น้ำตาลมะพร้าว 550 กรัม
4.เผือกนึ่งสุก 200 - 250 กรัม (ใช้เผือกดิบน้ำหนักเท่าเผือกสุก)
5.แป้งข้าวเจ้า 2 + 1/2 ช้อนโต๊ะ
6.ใบเตยหอม ใบใหญ่ 5 ใบ หั่นเป็นท่อนสั้น
7.หอมแดงปอกเปลือก ซอยบาง ๆ 1 + 1/2 ถ้วย
8.น้ำมันสำหรับเจียวหอมแดง 1 ถ้วย
วิธีทำ
1.นำเผือกหอม มาปอกเปลือกออกให้หมด หั่นไว้ขนาดเป็นชิ้นย่อมๆ นำไปล้างใส่ตะกร้าพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ (การล้างเผือกให้ระวังยางของเผือกหากโดนผิวจะทำให้เกิดอาการคันได้ แนะนำให้ผสมน้ำปูนใสในน้ำล้างเผือก และแช่เผือกไว้ประมาณครึ่งชั่วโมงก่อนจะเอาไปล้าง จะพอช่วยได้) จากนั้นนำเผือกไปนึ่งบนน้ำเดือดจัดใช้เวลาประมาณ 15 นาที จนกระทั่งเผือกสุก ปิดเตาแล้วพักเผือกไว้ให้เย็น
2.เทน้ำมันลงในกระทะที่จะใช้เจียวหอม เปิดไฟความร้อนกลางๆ รอจนน้ำมันร้อนใส่หอมแดงลงไปเจียว จากนั้นแล้วเทหอมใส่กระชอน พักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน
3.ตอกไข่ทีละฟองลงในถ้วยก่อน แล้วค่อยเทใส่กะละมัง เผื่อว่าหากตอกไข่แล้วมีไข่ใบไหนเสียจะได้ไม่เสียทั้งกะละมัง ใส่น้ำตาลแล้วนำใบเตยมาขยำทุกอย่างในกะละมังให้เข้ากัน จนกระทั่งน้ำตาลละลายหมด เทส่วนผสมทั้งหมดใส่ลงในกระชอนที่รองด้วยผ้าขาวบาง 1 ชั้น
***(ผ้าขาวบาง จะมีแบบตาห่าง (เนื้อผ้าไม่ค่อยดี) กับแบบตาถี่ (เนื้อผ้าจะดีกว่า และผ้ามีความแข็งแรงมากกว่า) ให้เลือกใช้แบบตาถี่ แต่ถ้ามีแต่แบบตาถ่างก็ใช้เป็นผ้าขาวบางแบบทบ 2 ชั้น) จากนั้นรวบมุมทั้งสี่ของผ้าขาวบ้างเข้าหากัน แล้วก็รีดเอาส่วนผสมออกมาให้ได้มากที่สุด พักส่วนผสมเอาไว้ก่อนนะคะ***
4.นำเครื่องปั่น (ถ้าไม่มีอาจจะต้องใช้วิธีขยำรวมกันด้วยมือในกะละมังอีกใบ) ใส่เผือก แป้งข้าวเจ้า กะทิอัมพวาลงไป (ใช้มันม่วง ฟักทอง แทนเผือกได้) หากต้องการให้เนื้อหม้อแกงเนียน ใช้เผือกแค่ 200 กรัมก็พอ แล้วปั่นให้ละเอียดแบบไม่เห็นเป็นเผือก แต่ถ้าอยากเน้นเผือกใส่ไปเลย 250 กรัม ปั่นให้เนียนเป็นเนื้อเดียวกัน หากชอบแบบมีชิ้นเผือกอาจปั่นหยาบหน่อยก็ได้
5.ปั่นเสร็จแล้วเททั้งหมดลงในกะละมังส่วนผสมไข่คนให้เข้ากัน จากนั้นก็เทส่วนผสมใส่ลงในกระทะที่เราใช้เจียวหอมเมื่อสักครู่นี้ ตามด้วยน้ำมันหอมเจียวสัก 4-5 ช้อนโต๊ะ นำไปกวนบนเตาด้วยไฟกลางจนส่วนผสมเริ่มข้นก็ปิดไฟเตา (ไม่ต้องให้ข้นมากเอาแค่พอเริ่มๆ ข้น)
6.เทส่วนผสมที่กวนใส่ลงในพิมพ์ อาจจะเป็นพิมพ์ถ้วยฟอยด์ หรือถาดเหลี่ยมใหญ่แบบถาดขนมชั้น หรือถาดอลูมิเนียมเหลี่ยมเล็ก เข้าอบใช้ไฟ 180 องศาเซลเซียส ประมาณ 30-40 นาที หรือจนกระทั่งขนมสุกทั่วกันทั้งชิ้น (ถ้าพิมพ์มีขนาดใหญ่หรือเล็กกว่านี้ก็จะใช้เวลามากน้อยต่างกันไป)
7.เมื่อขนมสุกแล้ว หลังยกออกมาจากเตาให้เอาแปรงจุ่มลงในน้ำมันหอมเจียว (ที่เจียวไว้ในตอนแรก) เล็กน้อย คือจุ่มแค่ปลายๆ แปรง ทาลงไปบางๆ ที่หน้าขนมหม้อแกงที่เพิ่งอบเสร็จใหม่ๆ เพื่อเพิ่มความหอมให้กับขนมหม้อแกง
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : ครัวบ้านพิมพ์