ประเทศไทยขึ้นชื่อในด้านผลผลิตทางการเกษตร และได้รับการยอมรับในฐานะครัวของโลก ผลิตผลทางการเกษตรของไทย ถือเป็นหนึ่งในหัวใจที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตของคนไทย ปัญหาสำคัญของผลผลิตทางการเกษตร คือ การรักษาความสดใหม่ของผลผลิตจนถึงมือผู้บริโภคให้คงสภาพใกล้เคียงของเดิม เนื่องด้วยสภาพปัจจัยที่แตกต่างกัน อาทิ ช่วงเวลาการเก็บเกี่ยวผลผลิต การดูแลรักษาระหว่างและหลังเก็บเกี่ยว เป็นต้น
และด้วยสภาพแวดล้อมที่คาดเดาได้ยาก ทั้งน้ำท่วม ภัยแล้ง อากาศเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ล้วนส่งผลต่อปริมาณและคุณภาพในการผลิตของผลิตผลทางการเกษตร สิ่งสำคัญที่จะเข้ามาช่วยป้องกันปัญหาและประกันคุณภาพผลผลิตทางการเกษตรคือ การพัฒนานวัตกรรมเพื่อรักษาความสดของผลผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร เสมือนรับประทานสดใหม่ และเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ไปยังต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น
ดังนั้น บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ในฐานะหน่วยงานขนส่งและโลจิสติกส์ของรัฐที่อยู่เคียงคู่สังคมและเศรษฐกิจไทยมาตลอด 136 ปี ได้เล็งเห็นว่า การพัฒนาผลผลิตทางการเกษตร นับเป็นรากฐานสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิต และเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ แต่ยังมีข้อจำกัดบางประการในด้านการวิจัยและพัฒนาผลผลิตทางการเกษตร สู่การแปรรูปให้คงรสสัมผัสแบบรับประทานสด จึงจับมือกับ อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (STeP) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร สู่การปลดล็อคปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำ เพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายตลาดต่างประเทศ และป้องกันปัญหาผลผลิตล้นตลาด ผ่านผลิตภัณฑ์ “ลำไยอบกึ่งแห้งสีทอง ละพูน” ครั้งแรกในไทย ภายใต้แบรนด์ “ไปรษณีย์เพิ่มสุข” ด้วยการดำเนินโครงการ “ไปรษณีย์ไทย เพื่อแผ่นดินธรรม...แผ่นดินทอง” ที่สนับสนุนการสร้างสรรค์นวัตกรรม ที่สร้างรายได้กลับสู่ชุมชนอย่างยั่งยืน
“ลำพูน” ถือเป็นหนึ่งในจังหวัดที่มีพื้นที่เพาะปลูกลำไยมากเป็นลำดับ 2 ของประเทศถึง 270,245 ไร่ และมีผลผลิตเฉลี่ยต่อปีมากกว่า 250,000 ตันต่อปี ด้วยผลผลิตที่ได้จะมีผลที่โต เนื้อหนา รสชาติหวาน ฉ่ำน้ำ และกรอบ จึงอยู่ระหว่างการขึ้นทะเบียนรับรองลำไยพันธุ์อีดอเป็นสินค้าบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ของจังหวัดลำพูน
นางมาลี เปรมมณี ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปผลิตภัณฑ์เกษตรบ้านล่ามช้าง จ.ลำพูน กล่าวว่า ในฐานะประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปผลิตภัณฑ์เกษตรบ้านล่ามช้าง จังหวัดลำพูน ขอขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ที่เข้ามาพูดคุย รับทราบถึงปัญหาของชุมชน เสนอแนะแผนการวิจัยและพัฒนาต่างๆ ซึ่งแม้ชุมชนแห่งนี้จะเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของจังหวัด แต่กลับได้รับความช่วยเหลือเป็นอย่างดี ในการคิดหาทางออกให้ตั้งแต่กระบวนการแปรรูปต้นน้ำ ไปจนถึงช่องทางการกระจายผลผลิตในขั้นปลายน้ำ โดยผสานจุดแข็งโครงข่ายการขนส่งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยของไปรษณีย์ไทย องค์ความรู้และนวัตกรรมจาก อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (STeP) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในด้านเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์การอาหาร
จึงก่อให้เกิดผลิตภัณฑ์ลำไยอบกึ่งแห้ง แบรนด์ “ละพูน” บรรจุถุงสูญญากาศ ที่เปี่ยมด้วยลำไยพันธุ์อีดอคัดเกรดคุณภาพ ทั้งเกรด A และ AA ที่แม้จะนำไปผ่านกระบวนการแปรรูปด้วยวิธีการ “อบกึ่งแห้ง” แล้วแต่ยังคงความสด เนื้อสีทอง หอมนุ่ม มีรสชาติหวานอมเปรี้ยว อันเป็นเอกลักษณ์ให้รสสัมผัสเหมือนการรับประทานลำไยสด โดยที่สามารถเก็บได้นานถึง 6 เดือน การันตีคุณภาพด้วยมาตรฐาน อย. ทั้งนี้ ลำไยอบกึ่งแห้ง “ละพูน” ถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้นวัตกรรมการแปรรูปด้วยการอบกึ่งแห้งครั้งแรกในประเทศไทย
โดยมีแผนจำหน่ายในประเทศ ผ่านช่องทางต่างๆ อาทิ ร้านกาแฟบริเวณหน้าโรงงานผลิต กลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปผลิตภัณฑ์เกษตรบ้านล่ามช้าง ร้านขายของที่ระลึกและโรงแรมในจังหวัดลำพูน จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดภูเก็ต จังหวัดชลบุรี บริษัท 24 shopping เครือบริษัท CP ซึ่งเป็นสินค้าออนไลน์ ที่ทำการไปรษณีย์ รวมถึงเว็บไซต์ไทยแลนด์โพสต์มาร์ท ของไปรษณีย์ไทย (www.thailandpostmart.com) และในอนาคตจะขยายช่องทางการตลาดไปยังประเทศจีนอีกด้วย
ด้าน นางสมร เทิดธรรมพิบูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) กล่าวว่า ที่ผ่านมา ไปรษณีย์ไทย มีกลยุทธ์การดำเนินงานเพื่อช่วยเหลือวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากการปฏิบัติหน้าที่หลักด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ ด้วยการมอบหมายให้เครือข่ายไปรษณีย์ที่มีศักยภาพแต่ละเขตพื้นที่ ทำหน้าที่เหมือน One Stop Service กลมกลืนกับความเป็นอยู่ของชุมชน ลงพื้นที่รับฟังปัญหา ให้คำปรึกษาด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ สนับสนุนช่องทางจำหน่าย ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ อาทิ เว็บไซต์ไทยแลนด์โพสต์มาร์ท (Thailandpostmart.com) ที่ทำการไปรษณีย์ไทย และ THP Contact Center 1545 อันจะเป็นการช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต และสร้างรายได้เพิ่มแก่ชุมชนได้อย่างยั่งยืนในอนาคต ตลอดจนสร้างภาพจำให้วิสาหกิจชุมชนและคนไทยนึกถึง “ไปรษณีย์ไทย” เป็นลำดับแรก ในฐานะ “เครือข่ายชีวิตและเศรษฐกิจไทย”
ทั้งนี้ ไปรษณีย์ไทย หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผลิตภัณฑ์ลำไยอบกึ่งแห้ง “ละพูน” ภายใต้แบรนด์ “ไปรษณีย์เพิ่มสุข” จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และเป็นโมเดลต้นแบบในการแก้ปัญหาผลผลิตทางการเกษตรอื่นๆ ของประเทศได้ในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว เป็นหนึ่งในตัวอย่างผลิตภัณฑ์ภายใต้การดำเนินโครงการ “ไปรษณีย์ไทย เพื่อแผ่นดินธรรรม...แผ่นดินทอง” เท่านั้น หากแต่ไปรษณีย์ไทย ยังคงเดินหน้าสังเกตการณ์วิถีชีวิตของทุกพื้นที่ในจังหวัดต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อดึงศักยภาพของแต่ละชุมชน มาพัฒนาและผลักดันให้เกิดเป็นผลิตภัณฑ์ หรือแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ที่สะท้อนถึงอัตลักษณ์ชุมชนได้อย่างน่าสนใจ พร้อมดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศเข้ามมาเรียนรู้ หรือเลือกซื้อผลิตภัณฑ์กลับไปเป็นของฝากครอบครัว อันจะนำไปสู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจของชุมชนและภาพรวมประเทศในอนาคต
ผู้สนใจสามารถหาซื้อผลิตภัณฑ์ลำไยอบกึ่งแห้ง “ละพูน” ภายใต้แบรนด์ “ไปรษณีย์เพิ่มสุข” บรรจุใน ซองฟลอยด์สีขาว (ปริมาณ 50 กรัม) ในราคา 65 บาท ได้ที่ร้านกาแฟหน้าโรงงานผลิต กลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปผลิตภัณฑ์เกษตรบ้านล่ามช้าง ร้านขายของที่ระลึกและโรงแรมในจังหวัดลำพูน จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดภูเก็ต และจังหวัดชลบุรี ได้แก่ dutch farm, ไทยริชเช่อร์ทัวร์, สวัสดีเชียงใหม่, มินิ อตก. บริษัท 24 shopping เครือบริษัท CP เป็นสินค้าออนไลน์ หน้าที่ทำการไปรษณีย์ในเขต ปข.5 และ เว็บไซต์ไทยแลนด์โพสต์มาร์ทThailandpostmart.com) สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ THP Contact Center 1545