โอกาสของคนตัวเล็ก

  • ติดต่อเรา
  • เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่อโฆษณา
Responsive image

‘วีรศักดิ์’ สั่งกรมเจรจาฯ ลุยต่อใช้ FTA นำสินค้าเกษตรและสินค้าท้องถิ่นบุกตลาดโลก หลังโมเดลสินค้านมประสบความสำเร็จ

‘รมช.พาณิชย์’ ปลื้มหลังสินค้านมและผลิตภัณฑ์ของไทยเริ่มใช้ประโยชน์จาก FTA สั่งกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เดินหน้าใช้ FTA กรุยทางสินค้าเกษตรและสินค้าท้องถิ่นของไทยบุกตลาดต่างประเทศ ยึดโมเดลสินค้านมและผลิตภัณฑ์เป็นแนวทาง เล็งร่วมลุยลงพื้นที่พบเกษตรกรและผู้ประกอบการท้องถิ่นทั่วประเทศ

นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยหลังเดินทางเข้าเยี่ยมและมอบนโยบายให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศว่า ได้กำชับให้ช่วยผลักดันสินค้าเกษตรและสินค้าท้องถิ่นไทยออกสู่ตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของกระทรวงพาณิชย์ โดยให้ใช้แนวทางของการใช้ความตกลงการค้าเสรี หรือเอฟทีเอ

ช่วยสินค้านมและผลิตภัณฑ์นมของไทยออกสู่ตลาดต่างประเทศ ที่ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี จึงมอบให้กรมเจรจาฯ เร่งดำเนินการให้ความรู้เรื่องประโยชน์ของเอฟทีเอแก่เกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการในท้องถิ่นทั่วประเทศ เพื่อกระตุ้นให้ผลิตสินค้าที่หลากหลาย ใช้นวัตกรรมสร้างมูลค่าเพิ่ม และลดต้นทุนการผลิตเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าอย่างยั่งยืน ซึ่งตนจะหาโอกาสร่วมลงพื้นที่พบปะพูดคุยรับฟังปัญหาจากเกษตรกรและผู้ประกอบการในท้องถิ่นร่วมกับกรมฯ อย่างใกล้ชิด

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เสริมว่า กรมฯ พร้อมรับนโยบาย โดยได้ร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรที่กรมฯ ได้ลงนามความร่วมมือแล้ว เช่น สภาเกษตรกรแห่งชาติ กรมส่งเสริมสหกรณ์ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เป็นต้น เพื่อนำเสนอแผนงานให้ความรู้แก่เกษตรกร และผู้ประกอบการ

ในการใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอเพื่อส่งออกสินค้า และในช่วง 4 เดือนหลังจากนี้ (กันยายน – ธันวาคม 2562) กรมฯ จะลงพื้นที่พบปะหารือ เกษตรกร กลุ่มสหกรณ์วิสาหกิจชุมชน เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจในการใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอ พร้อมเฟ้นหาสินค้าท้องถิ่นที่มีศักยภาพ ในภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งในเดือนกันยายนนี้จะลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เน้นสินค้าผลไม้ อาหารทะเลแปรรูป และจังหวัดมุกดาหาร ที่มีสินค้าเด่นคือ โคเนื้อ

จากนั้นเดือนตุลาคมพบผู้ประกอบการในจังหวัดนครราชสีมา ที่มีสินค้านมโคแปรรูป ผ้าไหม และจังหวัดกำแพงเพชรส่งเสริมกล้วยไข่ หลังจากนั้นในเดือนพฤศจิกายน ลงพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ ผลักดันผลิตภัณฑ์ข้าว และเดือนธันวาคมมุ่งสู่ภาคอีสานจังหวัดชัยภูมิและบุรีรัมย์ สินค้าผ้าไหมและผลไม้ นอกจากนี้ กรมฯ กำหนดแผนงานต่างๆ ที่จะดำเนินการในปี 2563 เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจฐานราก เช่น “โครงการประกวดการจัดทำแผนธุรกิจ DTN Business Plan Awards 2020” และต่อยอด “โครงการจัดทัพโคนมไทย บุกตลาดต่างประเทศด้วย FTA” เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน

นางอรมน เพิ่มเติมว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2562 (ม.ค.– มิ.ย.) การค้าระหว่างประเทศไทยกับคู่ค้า 17 ประเทศที่ไทยมีความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ด้วย มีมูลค่าการค้ารวม 142,967.2 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยแบ่งเป็น มูลค่าส่งออก 70,159.4 ล้านเหรียญสหรัฐ และมูลค่านำเข้า 72,807.7 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งประเทศคู่เอฟทีเอที่ไทยมีมูลค่าการค้ากับไทยสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่

(1) อาเซียน มีมูลค่าการค้า 53,557.2 ล้านเหรียญสหรัฐ

(2) จีน มีมูลค่าการค้า 37,853.4 ล้านเหรียญสหรัฐ

(3) ญี่ปุ่น มีมูลค่าการค้า 28,921.1 ล้านเหรียญสหรัฐ

(4) ออสเตรเลีย มีมูลค่าการค้า 7,113.6 ล้านเหรียญสหรัฐ

(5) เกาหลีใต้ มีมูลค่าการค้า 6,962.9 ล้านเหรียญสหรัฐ

ทั้งนี้ สินค้าเกษตร และเกษตรแปรรูปยังคงเป็นสินค้าสำคัญและมีแนวโน้มที่จะขยายตลาดได้อีก โดยเฉพาะสินค้าที่ใช้นวัตกรรมในการเพิ่มมูลค่า สินค้าสุขภาพ อาหารปลอดภัย มีการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จึงอยากให้เกษตรกรและผู้ประกอบการไทยให้ความสนใจในเรื่องนี้ และใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอของไทย เข้าตลาดประเทศคู่ค้าที่ได้ลดหรือยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้าส่วนใหญ่จากไทยแล้ว