ปัจจุบันต้องยอมรับว่าคนไทยมีพฤติกรรมนิยมซื้อสินค้าผ่านโลกออนไลน์ได้ตลอดเวลา และมีแนวโน้มการเติบโตของตลาดในช่องทางนี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสินค้าที่ซื้อขายก็เริ่มมีความหลากหลายมากขึ้น ซึ่งไม่เว้นแม้แต่ในแวดวงอสังหาฯ ซึ่งดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่ก็มียุทธศาสตร์ด้านการตลาดด้วยการนำโครงการของบริษัทฯ มาลงขายผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซ เช่น ลาซาด้า Shopee เช่นกัน
ข้อมูลจาก สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) หรือ ETDA เผยผลสำรวจพบว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา คนไทยใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นอย่างมาก จากจำนวน 9.3 ล้านคนในปี 2551 ปัจจุบันเพิ่มสูงถึง 45 ล้านคน สะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย ประกอบกับการพัฒนาของเครื่องมือสื่อสาร และราคาที่ถูกลง ทำให้คนเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้มากขึ้น ส่งผลให้ตลาดอีคอมเมิร์ซ (E-Commerce) ของประเทศไทยเติบโตอย่างมาก อีกทั้งประเภทของสินค้าก็มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นด้วย
และแน่นอนว่า เมื่อ “อีคอมเมิร์ซ” ในไทยเติบโตมากขึ้น สินค้าก็เพิ่มความหลากหลายมากขึ้นด้วย โดยเฉพาะเกี่ยวกับโครงการที่อยู่อาศัยซึ่งจากเดิมรูปแบบการทำตลาดและการขายจะนิยมเชิญชวนให้ลูกค้าเข้าไปสัมผัสบรรยากาศในโครงการ ด้วยการไปดูบ้านตัวอย่าง ดูบรรยากาศแวดล้อมในโครงการแล้วตัดสินใจซื้อ แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไป เพราะลูกค้าไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปดูโครงการไกลๆ ให้เสียเวลา เพราะเพียงแค่เข้าไปดูรายละเอียด แบบบ้าน และฟังก์ชั่นใช้สอยได้ง่ายๆ ผ่านแอบพลิเคชั่นของโครงการหรือของบริษัท แล้วสามารถตัดสินใจซื้อได้เลย
แต่ความสะดวกสบายไม่ได้จบเพียงแค่นั้น เมื่อผู้ประกอบการอสังหาฯ รายใหญ่ได้เพิ่มช่องทางการขายที่ล้ำไปอีก นั่นคือ การจับมือกับ ผู้นำแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ อย่าง Shopee และ Lazada นำเอาโครงการทั้งหมดของบริษัท มาลงให้ลูกค้าสามารถเลือกช้อปบ้านที่อยู่อาศัยแบบง่ายๆ พร้อมอัดแน่นด้วยโปรโมชั่นส่งเสริมการขายต่างๆ เรียกได้ว่าลูกค้ามีแต่ได้กับได้ กลยุทธ์ดังกล่าว ได้ไปตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ได้อย่างดีทีเดียว ซึ่งบริษัทอสังหาฯ รายใหญ่ที่หันมาลงเล่นตลาดช่องทางนี้ ได้แก่
1.บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)
อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ เป็นผู้ประกอบการรายแรกที่บุกตลาดอีคอมเมิร์ซ ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนเมืองในยุคดิจิทัล โดยจับมือ Shopee (ช้อปปี้) เปิดจองคอนโดมิเนียมใกล้รถไฟฟ้าและบ้านทำเลศักยภาพใน 12 โครงการ ภายใต้แบรนด์ไอดีโอ โมบิ, ไอดีโอ, เอลลิโอ, อาร์เด้น และเอโทล ถือเป็นการขยายช่องทางการเข้าถึงลูกค้า และตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคปัจจุบันที่นิยมซื้อขายบนระบบออนไลน์มากขึ้น
2.บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)
“แสนสิริ” เป็นหนึ่งในผู้นำด้านอสังหาริมทรัพย์ที่นำช่องทาง Sansiri Online Booking มาใช้เช่นกัน และประสบความสำเร็จจากช่องทางดังกล่าวและประสบความสำเร็จอย่างดีทีเดียว ทำให้ แสนสิริ มองเห็นโอกาสใหม่บนออนไลน์ จึงเข้าไปจับมือกับ “ลาซาด้า” ผู้นำแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อให้บริการจองคอนโดบน “Sansiri Official Store” ผ่าน LazMall โดยมี Live Streaming ที่ทำหน้าที่เสมือนพนักงานพาชมโครงการและห้องตัวอย่าง เพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น ด้วยการเปิดตัว 'แสนสิริ ออฟฟิเชียล สโตร์ บน LazMall' ที่มีฐานลูกค้าใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียง ซึ่งการผนึกกำลังในครั้งนี้ ถือเป็นช่องทางสำคัญที่ช่วยให้แสนสิริขยายตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพและเข้าถึงฐานลูกค้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
3.บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN)
งานนี้ LPN ได้นำสินค้าพร้อมอยู่ลุยตลาดอีคอมเมิร์ซ ผ่านแอบพลิเคชั่น Shopee ด้วยการอัดแน่นโปรโมชั่นลดสูงสุด 80,000 บาท และของแถม ล่าสุด ได้นำเอาโครงการ “ลุมพินี วิลล์ ราชพฤกษ์-บางแวก” โดยจะเริ่มเปิดให้จองออนไลน์ช่วงหลังสำนักงานขายปิด ผ่านช่องทางเว็ปไซต์ www.lpn.co.th และยังนำโครงการเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในร้านค้ากับ Shopee ด้วย โดยขั้นตอนการช้อปออนไลน์ คือ ลูกค้าซื้อ Voucher ผ่าน Shopee หลังจากนั้น LPN จะจัดส่ง Voucher แก่ลูกค้า และลูกค้านำ Voucher ไปแสดงที่สำนักงานขาย ซึ่ง LPN ได้คัดสรรโครงการคุณภาพพร้อมอยู่ทั้งบ้านและคอนโด 10 โครงการ
4.บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI
ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ได้ร่วมกับ ลาซาด้า เปิดตัว Official Store บนลาซมอลล์ (LazMall) ภายใต้ชื่อ “Origin Property เพื่อเป็นอีกช่องทางอำนวยความสะดวกให้ผู้บริโภคสามารถเข้ามาจองคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ของบริษัทได้ง่ายขึ้น โดยเมื่อวันที่ 16-19 ส.ค. ที่ผ่านมา บริษัทยังจัดงานอีเวนท์ “ลั๊น ลา ลอย” ที่สยามพารากอน โดยนำเอาโครงการพร้อมอยู่ให้จอง และยังมีโครงการใหม่ที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง 10 โครงการ มาร่วมขายในงานด้วย ได้แก่ โครงการไนท์บริดจ์ คอลลาจ สุขุมวิท 107 โครงการแบรนด์ดิ ออริจิ้น 5 โครงการ 5 ทำเล และโครงการแบรนด์พาร์ค ออริจิ้นอีก 4 โครงการ ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าข้อดีของการช้อปปิ้งออนไลน์ คือ สะดวก ราคาถูก สั่งซื้อง่าย และสามารถซื้อได้ตลอดเวลา แต่ก็มีหลายคนที่ยังไม่มั่นใจในการซื้อขายออนไลน์ เพราะไม่เห็นสินค้าจริง ไม่มั่นใจในความปลอดภัย หรืออาจเคยมีประสบการณ์ที่ไม่ดีต่อการช้อปปิ้งออนไลน์มาก่อนหน้านี้ เช่น ซื้อแล้วไม่ได้ของ ของที่ได้มาไม่เหมือนที่ลงไว้ ดังนั้นแพลตฟอร์มการซื้อขายสินค้าประเภทอสังหาริมทรัพย์ อย่างคอนโดมิเนียมและบ้าน จึงต้องใช้เวลาอีกสักพักใหญ่ ๆ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือของตัวระบบ รวมถึงสินค้าที่นำมาขาย ต้องเป็นสินค้าจากผู้ประกอบการที่มีความน่าเชื่อถือด้วยเช่นกัน