โอกาสของคนตัวเล็ก

  • ติดต่อเรา
  • เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่อโฆษณา
Responsive image

‘กรมเจรจาฯ’ ปลื้ม บู้ธแคมป์ติดอาวุธผู้ประกอบการโคนมไทยฟีดแบ็คดี

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เดินหน้าโครงการ “จัดทัพโคนมไทย บุกตลาดต่างประเทศด้วยเอฟทีเอ” นำ 10 ผู้ประกอบการโคนมไทย ร่วมกิจกรรม Boot Camp ติวเข้มการใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอ

ขยายตลาดสินค้านมโคแปรรูปทั้งนมยูเอชที โยเกิร์ต ไอศกรีม ออกสู่ตลาดอาเซียนและตลาดโลก พร้อมเตรียมมุ่งหน้าศึกษาตลาดที่สิงคโปร์ สร้างเครือข่ายพันธมิตร ขยายโอกาสการส่งออกพฤศจิกายนนี้

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้นำผู้ประกอบการ 10 ราย ที่ได้รับคัดเลือกจากโครงการ“จัดทัพโคนมไทย บุกตลาดต่างประเทศด้วยเอฟทีเอ” ซึ่งมีผู้สมัครเข้าร่วมโครงการจากภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ เกือบ 60 ราย เข้าบู้ธแคมป์เก็บตัว ระหว่างวันที่ 12-14 กันยายน 2562 ณ จังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจถึงการใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอ ขยายการส่งออกสินค้าไทยสู่ตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะอาเซียน ซึ่งได้ยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้าจากประเทศสมาชิกอาเซียนด้วยกันแล้ว

นอกจากนี้ ผู้ประกอบการทั้ง 10 ราย จะได้เดินทางไปเยี่ยมชมงานแสดงสินค้า สำรวจตลาดค้าปลีก สร้างเครือข่ายพันธมิตรกับผู้นำเข้า และผู้กระจายสินค้า ณ ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นตลาดที่มีนักท่องเที่ยวกว่า 17 ล้านคน และประชาชนนิยมบริโภคสินค้าพรีเมี่ยมและสินค้าเพื่อสุขภาพที่มีความหลากหลาย รวมถึงมีกฎระเบียบการนำเข้าสินค้าที่มีมาตรฐานสูง

ซึ่งจะช่วยกระตุ้นผู้ประกอบการยกระดับพัฒนาสินค้าให้ได้คุณภาพมาตรฐาน และนำนวัตกรรมเทคโนโลยีมาต่อยอดเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ ทั้งนี้ กรมฯ ได้เชิญวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิที่มีประสบการณ์เรื่องการตลาด และการทำธุรกิจในตลาดสิงคโปร์ มาแบ่งปันประสบการณ์ ช่องทาง และกลยุทธ์เข้าสู่ตลาดสิงคโปร์ และใช้สิงคโปร์เป็นจุดกระจายสินค้าไปยังตลาดโลก รวมทั้งให้ข้อมูลเกี่ยวกับการรับรองมาตรฐานเพื่อการส่งออกอีกด้วย

นางอรมน เพิ่มเติมว่า การจัดบู้ธแคมป์ครั้งนี้ ช่วยให้ผู้ประกอบการนมโคแปรรูปได้สร้างเครือข่ายและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างกัน โดยมีการแบ่งกลุ่มจัดทำแผนธุรกิจของผลิตภัณฑ์นมโคแปรรูปที่คาดว่าจะสามารถทำตลาดในสิงคโปร์ได้ โดยเฉพาะการวิเคราะห์สรุปแนวทางการพัฒนาสินค้า การใช้ประโยชน์จาก Big Data และนวัตกรรม การปรับปรุงขั้นตอนการผลิตให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น

ซึ่งช่วยลดต้นทุนและระยะเวลาการผลิตได้หลังจากนี้ กรมฯ ยังจัดให้มีกิจกรรมอื่นภายใต้โครงการฯ ควบคู่กันไป เช่น ให้คำปรึกษาเชิงลึกกับผู้ประกอบการลักษณะ Coaching ในพื้นที่ของผู้เข้าร่วมโครงการ ในช่วงเดือนกันยายน - ธันวาคม 2562 โดยกรมฯ จะร่วมกับ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ลงพื้นที่เยี่ยมชมกิจการของแต่ละบริษัท เพื่อแนะนำแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ขั้นตอนการส่งออกและการทำตลาด ก่อนเดินทางไปสิงคโปร์ในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้

ทั้งนี้ อุตสาหกรรมนมโคแปรรูปของไทยมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มมากขึ้น โดยมูลค่าการค้าและการส่งออกสินค้านมและผลิตภัณฑ์นมของไทยในช่วงปี 2559-2561 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2562 ไทยมีการส่งออกมูลค่า 138 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ร้อยละ 15.3 สินค้าส่งออกหลัก ได้แก่ โยเกิร์ต และนมยูเอชที

โดยคู่ค้าหลักยังคงเป็นประเทศในแถบอาเซียน เช่น กัมพูชา ขยายตัวร้อยละ 30 ฟิลิปปินส์ ขยายตัวร้อยละ 40 และสิงคโปร์ ขยายตัวร้อยละ 13 รวมทั้งฮ่องกงและจีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีความตกลงเอฟทีเอกับไทย และได้ลดภาษีนำเข้าสินค้านมโคให้กับไทยแล้ว ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยควรเร่งใช้ประโยชน์จาก เอฟทีเอให้สินค้าไทยสามารถขยายสู่ตลาดต่างประเทศได้อย่างต่อเนื่อง