อีกหนึ่งที่ธุรกิจที่น่าสนใจและไม่มีทีท่าว่าจะตกเทรนด์ นั่นคือ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับความสวยความงาม จะเห็นได้ว่ามีผู้ประกอบการทั้งหน้าเก่าและใหม่เข้ามาเล่นตลาดนี้อย่างต่อเนื่อง แต่ก็มีเพียงไม่กี่รายที่ประสบความสำเร็จกับธุรกิจ
ชนุพร บุญนิล หรือ คุณอาร์ หญิงเก่งผู้นำเอาความชอบและมุมมองทางธุรกิจมาประยุกต์และปรับใช้ มุ่งมั่นสร้างแบรนด์ “เลอสกิน” ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ที่ครองใจสาวรักสวย ปัจจุบันเธอก้าวสู่การเป็นเจ้าของธุรกิจในตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะ เนเชอรัล บิวตี้ แอนด์ คอสเมติก (ประเทศไทย) จำกัด มีโรงงานผลิตสินค้าในย่านลาดกระบัง
คุณอาร์เล่าว่า เธอเริ่มต้นทำธุรกิจด้วยเงินทุนเริ่มต้นที่ 50,000 บาท โดยธุรกิจแรกที่ทำ คือ ขายไดร์เป่าผม จากนั้นก็ต่อยอดเพิ่มสินค้าอื่นเข้ามาจากการแนะนำของลูกค้า กอปรกับเธอมีเพื่อนเป็นคนจีนจึงช่วยในเรื่องหาสินค้ามาขาย และสินค้าที่ทำเงินให้กับเธอตัวแรก คือ แชมพูปิดผมขาว ต่อด้วยผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผม ซึ่งกว่าประสบความสำเร็จเรียกว่าล้มลุกคลุกคลานพอสมควร กว่าธุรกิจจะลงตัวก็เข้าสู่ปีที่ 5 จากแบรนด์ที่ไม่มีคนรู้จักกลายเป็นแบรนด์ที่ร้านทำผมทุกร้านต้องมี จากนั้นเธอจึงต่อยอดโดยเอากำไรจากธุรกิจดูแลเส้นผมนั้นมาเป็นทุนสำหรับทำธุรกิจสกินแคร์ต่อ เธอทำอย่างนี้อย่างไม่หยุดนิ่ง และหาทางต่อยอดทางธุรกิจอยู่ตลอดเวลา พร้อมทั้งลงมือทำอย่างจริงจัง และไม่ย่อท้อ
“เราเริ่มต้นธุรกิจจากความชอบส่วนตัว และมองว่าธุรกิจความสวยความงามยังไงก็ไม่ตกเทรนด์ ดังนั้น จึงลงมือศึกษารายละเอียดตั้งแต่ระบบของเครื่องจักร คุณสมบัติของวัตถุดิบ กระบวนการผลิต เริ่มซื้อเครื่องจักรเล็กๆ มาทดสอบ จนตกผลึกออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมทั้งชาวไทยและต่างประเทศ เริ่มต้นธุรกิจด้วยใจและเงินทุนก้อนเล็กๆ แล้วค่อยๆ พัฒนาจนเริ่มมีชื่อเสียงและได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภค”
สำหรับความสำเร็จของแบรนด์ “เลอสกิน” นั้น คุณอาร์ บอกว่า ผลิตภัณฑ์ตัวแรกที่สร้างชื่อ คือ ผลิตภัณฑ์ครีมเมือกหอยทาก ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี โดยเฉพาะลูกค้าชาวจีนที่มากับคณะทัวร์ หลังจากนั้นเธอเริ่มหันมาจับตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ด้วยการจับมือกับอีคอมเมิร์ซหลากหลายค่าย ไม่ว่าจะเป็น Lazada Shopee และอื่นๆและจากการขยายช่องทางเหล่านี้นี่เองทำให้เธอได้ทราบพฤติกรรมของผู้บริโภคว่ามีความเปลี่ยนแปลงไปมาก
“ช่วงแรกที่ทำธุรกิจยอมรับว่าเราทำแบบ Me too คือ เห็นเขาทำอะไร กระแสเป็นอย่างไรก็ทำตามเขา ซึ่งตอนนั้นมีผลิตภัณฑ์ครีมหอยทากในตลาดเยอะมากมีมากกว่า 20 แบรนด์ แต่มีแบรนด์เลอสกินกับแบรนด์ใหญ่อีกแบรนด์เท่านั้นที่แจ้งเกิด อย่างไรก็ตาม การตลาดแบบ Me too นั้นก็ไม่ได้บ่งบอกว่าจะประสบความสำเร็จเสมอไป ปัจจุบันผลิตภัณฑ์เลอสกินมีวางขายตามเซเว่นอีเลฟเว่น โมเดิร์นเทรดทั่วไป คิงพาวเวอร์ ฯลฯ เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป”
แม้จะประสบความสำเร็จอย่างมาก แต่ “คุณอาร์” ไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่นั้น เธอมองว่าเทรนด์ตลาดสกินแคร์มีการเติบโตแบบวูบวาบ มาเร็วและไปเร็วมาก ดังนั้น จึงทำการศึกษาตลาดจนในที่สุดได้ออกโปรดักส์สินค้าตัวใหม่เป็นแนวซีรี่ย์ Milk หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำนมบริสุทธิ์ ไม่ว่าจะเป็น โฟมล้างหน้าน้ำนม ครีมบำรุงน้ำนม โดยเฉพาะแผ่นมาร์กหน้าน้ำนมได้กระแสการตอบรับที่ดีมากทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ จนขณะนี้มีผลิตภัณฑ์ของเลอสกินวางขายทุกโมเดิร์นเทรดแล้ว ทั้ง เซเว่นอีเลฟเว่น และมินิมาร์ททั่วไป รวมทั้ง คิงเพาเวอร์ ทุกสาขา ดิวตี้ฟรี และตามเทอร์มินอล หรือตามสถานที่ท่องเที่ยวที่ทัวร์นักท่องเที่ยวมาลง นอกจากนี้ ยังมีที่ร้านบิวตี้ทั่วไป เช่นกัน
“เราต่อยอดเติบโตมาด้วยเงินลงทุนเพียงหลักหมื่นบาท อาศัยความชอบและมีใจรัก ลงมือทำอย่างตั้งใจและไม่ท้อถอย ปัจจุบันเรามีทรัพย์สินเป็นที่ดินประมาณ 30 ไร่ จากเดิมที่มีเพียง 2 ไร่ มีสินค้าเกือบ 30 ตัว โดยเรามีแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ปีละ 1 ซีรี่ย์ ณ ตอนนี้สินค้าขายดีจะเป็นซีรี่ย์น้ำนม รองลงมาก็จะเป็นอควาบลูม หรือซีรี่ย์สาหร่ายสีแดง ที่เพิ่งออกมาเมื่อปีที่ผ่านมา"
และในปีนี้ “คุณอาร์” ได้ประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์ซีรี่ย์ใหม่ เป็นผลิตภัณฑ์มาร์กหน้าอโรม่าที่นอกจากจะดูแลเรื่องผิวหน้าแล้ว ยังช่วยในเรื่องให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ที่แตกต่างจากผลิตภัณฑ์มาร์กหน้าทั่วไป นั่นคือ การนำเอาน้ำมันหอมระเหยทั้งหมด 4 กลิ่น ได้แก่ กุหลาบ ส้ม ลาเวนเดอร์ และน้ำมันมะพร้าวที่มีส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหยกลิ่นวานิลลา โดยวัตถุดิบทุกอย่างล้วนมาจากธรรมชาติ 100 % ด้วยความใส่ใจว่าทุกผลิตภัณฑ์ของเลอสกินจะต้องมีความอ่อนโยนต่อผู้บริโภค ใช้แล้วเกิดความรู้สึกผ่อนคลาย เหมือนได้พักผ่อน โดยเฉพาะตัวลาเวนเดอร์ที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายได้อย่างดีทีเดียว
“ราคามาร์กอโรม่าของเลอสกินถือว่าถูกมาก โดยขายในราคาเพียงแผ่นละ 39 บาทเท่านั้น ซึ่งความแตกต่างของเราคือ น้ำมันอโรมาจะมีการเบรนด์ให้เหมาะกับสภาพผิวหน้าของคนไทย และกลิ่นไม่แรงมากจนเกินไป เพราะหากมากเกินไปจะส่งผลต่อผิวก่อให้เกิดความระคายเคืองได้ เราใช้น้ำมันจากธรรมชาติ ซึ่งคุณสมบัติของแต่ละตัวก็จะแตกต่างกันออกไป เช่น กุหลาบ จะเน้นในเรื่องของไวท์เทนนิ่งกับแอนตี้เอจจิ้ง ส้ม จะเป็นไวท์เทนนิ่งล้วนๆ น้ำมันมะพร้าว ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของชาวอาหรับ มีคุณสมบัติให้ความชุ่มชื่นแก่ผิว และลาเวนเดอร์ ที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย เป็นต้น”
นอกจากจะผลิตภัณฑ์สินค้าให้กับบริษัทแล้ว “คุณอาร์” ยังรับผลิตให้กับบางแบรนด์อีกด้วย โดยเฉพาะแผ่นมาร์กหน้า แต่เนื่องจากเธอไม่ได้มาสายนี้โดยตรง ดังนั้น การโปรโมทเรื่องรับผลิตจึงยังมีน้อย จึงจะเป็นเพียงแค่การบอกปากต่อปากเท่านั้น โดยแบ่งเป็นสัดส่วนรับผลิตหรือ OEM 10 % และผลิตสินค้าของบริษัทเองประมาณ 90 % ตอนนี้เรามีเครื่องจักรที่สามารถมีกำลังการผลิตราว 3,000 กิโลกรัมต่อวัน โดยเฉพาะในส่วนของสกินแคร์จะเยอะมาก
ปัจจุบัน เลอสกิน เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีการส่งออกไปยังต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น จีน แอฟริกา ประเทศตะวันออกกลาง และมีแผนที่จะส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านอีกด้วย
เมื่อเอ่ยถามถึง Key Success หรือกุญแจสู่ความสำเร็จ “คุณอาร์” บอกว่า ส่วนตัวไม่ได้มองว่า “ความล้มเหลว คือ ความล้มเหลว” แน่นอนว่าการทำงานทุกอย่างล้วนต้องมีปัญหา แต่เธอไม่ได้มองว่ามัน คือ ปัญหา และลงมือทำไปเรื่อยๆ และไม่หยุด สิ่งที่ทำให้ประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ คือ การเรียนรู้ ทั้งการเรียนรู้ตลาดและรู้จักผู้บริโภค เพราะที่เติบโตมาจนถึงทุกวันนี้ส่วนหนึ่งก็มาจากความไว้วางใจของลูกค้าผู้บริโภคด้วย