ขึ้นชื่อว่า พนักงานบริษัท หรือพนักงานประจำ ที่เรียกตัวเองว่า “มนุษย์เงินเดือน” แน่นอนว่าต้องอยากประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานด้วยกันทั้งนั้น แต่ก็ยังขาดแรงบันดาลใจที่จะนำพาให้ไปพบกับจุดหมายที่ตั้งใจไว้ ชี้ช่องรวย ได้นำบทความดีๆ จาก คุณพัชรา ทวีชัยวัฒนะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ อลิอันซ์ อยุธยา ได้แนะนำการปรับทัศนคติในเรื่องของการทำงานที่ดี โดยมีทั้งหมด 5 ข้อที่น่าสนใจ จะเป็นอย่างไร ลองไปติดตามกันค่ะ
ปฏิเสธไม่ได้ว่า “มนุษย์เงินเดือน” ทุกคนอยากเห็นตัวเองก้าวหน้า และตัวชี้วัดความก้าวหน้า คือ เงินเดือน และตำแหน่งหน้าที่การงาน การทำงานในองค์กรทุกองค์กร โครงสร้างองค์กรจะมีรูปทรงเป็นปิรามิด คือ เจ้าของหรือผู้บริหารจะอยู่ตรงจุดสูงสุดของสามเหลี่ยม คือ มีคนเดียว ตำแหน่งก็แล้วแต่บริษัทอาจเรียก ซีอีโอ แมนเนจจิ้งไดเร็กเตอร์ เจเนอรัลแมเนเจอร์ มีหน้าที่ดูแลกำไรขาดทุนของบริษัท
นั่นหมายถึงการบริหารทีมงานเพื่อให้บรรลุในเป้าหมายที่ตั้งไว้ ดังนั้นผู้บริหารจะมีทีมบริหารในแต่ละฝ่ายหรือแผนกที่ช่วยขับเคลื่อนองค์กรตามลำดับ องค์กรที่มีขนาดใหญ่ พนักงานเป็นพันก็จะมีการทำงานที่แตกต่างกับองค์กรขนาดเล็ก พนักงานเป็นร้อยหรือเป็นสิบ วัฒนธรรมองค์กรก็ย่อมแตกต่างกัน เช่น องค์กรใหญ่ก็จะมีพิธีรีตองมากกว่า การเข้าถึงผู้บริหารให้รู้จักยอมรับก็จะมีโอกาสน้อยกว่า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทำงานในองค์กรใหญ่แล้วจะไม่สามารถทำให้ผู้บริหารเห็นผลงาน
ไม่ว่าองค์กรใหญ่หรือเล็ก วัฒนธรรมในองค์กรจะเป็นอย่างไรนั้น ไม่สำคัญเท่าเราทำงานอย่างไร หากเคยได้ยินว่า “ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน” เป็นคำพูดที่ไม่ผิดเลย ผู้บริหารอาจไม่รู้จักเราแต่หากมองเห็นและชื่นชมในผลงาน ผลงานนั้นจะพาผู้บริหารมารู้จักเราเอง ถ้าอย่างนั้นจะทำอย่างไรให้มีผลงานแล้วผู้บริหารรู้จัก
1.ทำงานราวกับเป็นเจ้าของกิจการ
ไม่ใช่แค่ผู้รับเงินเดือน แปลว่าเห็นแก่ประโยชน์ของบริษัทเป็นสำคัญ ในกรณีไม่ได้หมายถึงการเอาเปรียบลูกค้าแต่อย่างใด ในทางกลับกันคือ หาแนวทางทำงานที่ลูกค้าจะรักองค์กรมากขึ้น สร้างมูลค่าให้กับองค์กรทำให้ลูกค้าอยากเลือกองค์กรเรามากกว่าคู่แข่ง
2.ตั้งใจทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด
มีความรับผิดชอบในงานของตนอย่างเต็มที่ รู้จริง รอบรู้ในงานของตน ถามอะไรตอบได้ การทำหน้าที่ให้ดีที่สุดหมายรวมถึง การทำงานเป็นทีม มีใจพร้อมช่วยเหลือเพื่อร่วมงาน เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของบริษัทร่วมกัน เพราะการทำงานให้สำเร็จในหนึ่งโครงการ จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือของหลายฝ่ายที่จะทำให้บรรลุเป้าประสงค์ร่วมกัน
3.มีทัศนคติบวก
คนที่มากความสามารถและเป็นที่ไว้ใจของหัวหน้าหรือผู้บริหาร มักจะได้รับมอบหมายให้ทำงานมากตามความสามารถ จงดีใจกับความไว้วางใจเหล่านั้น เพราะนั่นหมายถึงอนาคตที่จะเติบโตในหน้าที่การงาน อย่าให้ความคิดลบที่ว่า “อะไรๆ ก็มาลงที่ฉัน” มาเป็นอุปสรรคในการทำในสิ่งที่ได้รับความไว้วางใจ
4.ทำงานด้วยใจ
ใช้ใจ ใส่ใจในสิ่งที่ทำ เพราะหากเรามีใจ เราจะสามารถแก้ไขได้ในทุกปัญหา ใจจะทำให้เรามองเห็นต้นตอปัญหาและนำพาไปสู่ทางแก้ ตัวอย่างง่ายๆ การแก้ปัญหาเรื่องร้องเรียน หากเพียงแค่เราใส่ใจ ฟังผู้ร้องเรียน เราจะเข้าใจว่าผู้ร้องเรียนโกรธเรื่องอะไร เอาใจเขามาใส่ใจเรา เราจะเข้าใจในเรื่องนั้นๆ การตั้งใจฟังนั้นจะได้ใจจากผู้ร้องเรียนในทันที เพราะผู้ร้องเรียนเริ่มรู้สึกว่ามีคนได้ยิน เข้าใจและพร้อมให้ความช่วยเหลือ การแก้ปัญหาก็จะง่ายขึ้น
5.ไม่คาดหวัง
ทำงานให้เต็มที่โดยไม่คาดหวังว่าผู้บริหารจะรู้จักหรือไม่ หัวหน้าจะชื่นชมหรือไม่ เพราะการทำงานอย่างมีความคาดหวังจะทำให้เราทุกข์มากกว่าสุข เพราะทุกครั้งที่ทำจะรอคอยว่าจะมีใครเห็นสิ่งที่ทำหรือไม่ จะมีคนชมหรือเปล่า ใจก็จะท้อถอยหากไม่ได้มาซึ่งสิ่งที่หวัง และเมื่อทุกข์เพราะไม่ได้อย่างหวัง ผลงานที่ได้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ดี การเอาใจไปผูกไว้กับสิ่งที่เราเองควบคุมไม่ได้จะนำมาซึ่งความทุกข์
หากทำได้ทั้ง 5 ข้อ ผู้กระทำจะมีความสุขใจในการทำงานเพราะทำงานด้วยใจ และทำโดยไม่คาดหวัง แต่มุ่งมั่นตั้งใจที่จะทำอย่างดีที่สุดราวกับเป็นเจ้าของเอง แค่นี้คุณค่าก็อยู่ในตัวเราเองโดยไม่ต้องมีใครมายกย่อง แต่เชื่อเถอะว่าสิ่งที่ทำ ใจที่ใส่ลงไปย่อมมีคนเห็นแน่นอน ผลเกิดจากเหตุ และถ้าเราสร้างเหตุที่ดี ยังไงผลก็ต้องดี หลักการเป็นเช่นนั้น
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก : healthyliving