"วีรศักดิ์" ลงพื้นที่พบปะผู้ประกอบการค้าส่ง-ค้าปลีก จ.นครสวรรค์ ดูความพร้อมร้านค้าเพื่อพัฒนาเป็น "สมาร์ท โชวห่วย" เตรียมจัดทำแผนพัฒนาโชวห่วยแบบครบวงจรตั้งแต่ขนาดเล็ก-ใหญ่ มั่นใจ!! โชวห่วยเข้มแข็งอยู่คู่สังคมไทยยาวยาว ภาครัฐต้องคลุกวงใน เข้าถึง-เข้าใจทุกรายละเอียดธุรกิจ พร้อมเปิดใจ-จับเข่าคุยรับฟังปัญหา-อุปสรรค-ข้อเสนอแนะ และนำมาปรับปรุงประยุกต์ใช้ให้ตรงความต้องการของแต่ละพื้นที่
นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการพบปะผู้ประกอบการค้าส่ง-ค้าปลีก และลงพื้นที่ดูความพร้อมร้านค้าเพื่อพัฒนาเป็น "สมาร์ท โชวห่วย" ใน จ.นครสวรรค์ ว่า "ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่ได้ลงพื้นที่เพื่อพบปะผู้ประกอบการค้าส่ง-ค้าปลีก ต่อเนื่องจากการลงพื้นที่ จ.นครราชสีมา เมื่อเดือนสิงหาคม 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งต่อการพัฒนาผู้ประกอบการค้าส่งค้าปลีกไทยให้มีความเข้มแข็ง
เนื่องจากธุรกิจโชวห่วยเป็นธุรกิจพื้นฐานที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศให้เกิดการหมุนเวียน เกิดการจ้างงานในชุมชน ดังนั้น การพบปะเพื่อรับฟังปัญหา-อุปสรรค-ข้อเสนอแนะจากผู้ประกอบการในพื้นที่จริงๆ จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาและผลักดันให้โชวห่วยไทยเติบโตไปในทิศทางที่ถูกต้อง ส่วนตัวมั่นใจว่า การที่ภาครัฐให้ความสำคัญและสนใจผู้ประกอบการรายธุรกิจลึกลงไปถึงรายละเอียดปลีกย่อย-รับฟังความคิดเห็น จะทำให้เข้าใจ-เข้าถึงความต้องการของภาคธุรกิจที่แท้จริง นำมาซึ่งแนวทางการแก้ไขและต่อยอดพัฒนาธุรกิจให้ตรงตามความต้องการของแต่ละพื้นที่ สามารถหามาตรการสนับสนุนได้อย่างถูกต้อง ส่งผลดีทั้งต่อผู้ประกอบการ ประชาชน ภาครัฐ และเศรษฐกิจของประเทศ"
"อย่างไรก็ตาม นอกจากการพบปะพูดคุยเพื่อรับฟังข้อเสนอแนะต่างๆ แล้ว การเตรียมความพร้อมเพื่อพัฒนาสู่การเป็นโชวห่วยคุณภาพตอบสนองความต้องการของลูกค้าและคนในชุมชนก็เป็นสิ่งจำเป็น นโยบายสำคัญที่ภาครัฐกำลังดำเนินการอยู่ คือ การพัฒนาร้านค้าโชวห่วยให้เป็น "สมาร์ท โชวห่วย" โดยนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาช่วยบริหารจัดการธุรกิจ การสั่งซื้อสินค้า การจัดทำบัญชี สต๊อกสินค้า การจัดรายการส่งเสริมทางการขาย การปรับภาพลักษณ์ร้านค้า
พร้อมกระตุ้นให้เกิดการสร้างเครือข่ายในกลุ่มผู้ประกอบการร้านค้าปลีก/ธุรกิจค้าปลีกทั้งในและนอกพื้นที่ เป็นการสร้างฐานธุรกิจให้มีความมั่นคง ไม่ว่าเศรษฐกิจหรือการค้าโลกจะเปลี่ยนแปลงไปทิศทางใด ผู้ประกอบการก็พร้อมที่จะรับมือและปรับเปลี่ยนตาม อันจะเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้แก่ธุรกิจระยะยาว โดยมีภาครัฐเป็นผู้ให้การสนับสนุนและดูแลอย่างใกล้ชิด"
รมช.พณ.กล่าวทิ้งท้ายพณ.กล่าวต่อว่า "ร้านค้าส่ง-ค้าปลีกร้านแรกที่ได้ตรวจเยี่ยม คือ ร้าน ส.ล.โฮลเซลล์ ต.ปากน้ำโพ อ.เมือง เป็นร้านค้าขายส่งสินค้าอุปโภค-บริโภคขนาดใหญ่ เป็นกิจการของคนไทย 100% และเป็นร้านค้าส่งที่ได้รับการพัฒนาจากกระทรวงพาณิชย์ มีเครือข่ายที่เป็นร้านค้าปลีกและร้านโชวห่วย ประมาณ 300 ร้านค้า ครอบคลุมจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ และชัยนาท จากการพูดคุยพบว่า ปัจจุบันทางร้านได้มีการนำระบบเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการบริหารจัดการร้านค้า
รวมถึง มีการวางแผนกลยุทธ์ที่เน้นลูกค้าและตลาดเป็นสำคัญ ทำให้ลูกค้าที่เป็นร้านโชวห่วยและประชาชนทั่วไปมีความพึงพอใจและกลับมาซื้อสินค้าซ้ำ นอกจากนี้ ยังเป็นพี่เลี้ยงให้แก่ร้านโชวห่วยที่เป็นเครือข่าย ทำให้มีลูกค้าที่เป็นร้านค้าปลีกเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน ก็เป็นร้านค้าปลีกจำหน่ายสินค้าให้แก่คนในท้องถิ่นด้วย ทำให้เข้าใจร้านค้าปลีกและร้านโชวห่วยในพื้นที่ต่างๆ ที่ต้องเผชิญกับการแข่งขันทางการค้าที่รุนแรงมากขึ้น"
"ร้านที่สอง ได้เดินทางไปที่ร้านชัยสมบูรณ์โอสถ ต.โกรกพระ อ.โกรกพระ ซึ่งเป็นร้านโชวห่วยต้นแบบในพื้นที่ที่ได้รับการพัฒนาจากกระทรวงพาณิชย์เช่นเดียวกัน เป็นร้านค้าปลีกขนาดเล็กที่จำหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภค จากการพูดคุยพบว่า เป็นร้านโชวห่วยในพื้นที่ที่เปิดมานานกว่า 50 ปี มีทัศนคติที่ดีต่อลูกค้า ทำให้มีลูกค้าประจำที่เป็นคนในท้องถิ่นมาอุดหนุนซื้อสินค้าในร้านตลอด ส่งผลให้กิจการสามารถยืนหยัดมาได้จนถึงทุกวันนี้ แสดงถึงความผูกพันระหว่างร้านโชวห่วยกับคนในท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี โดยขณะนี้ กระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างการนำเทคโนโลยีไปช่วยบริหารสต็อคสินค้าและการขายเพื่อผลักดันให้เป็น "สมาร์ท โชวห่วย" ซี่งจะส่งผลทำให้ยอดขายต่อเดือนเพิ่มมากขึ้น"
"หลังจากนั้น ได้เดินทางไป ต.พยุหะ อ. พยุหะคีรี เพื่อพบปะ/แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้ประกอบการโชวห่วยที่ต้องการพัฒนาร้านค้าของตนเองให้เป็น "สมาร์ท โชวห่วย" จำนวน 70 ราย โดยผู้ประกอบการได้เข้ารับการอบรมการเป็น "สมาร์ท โชวห่วย" เบื้องต้น ฟังคำชี้แจงรายละเอียด และสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่จะได้รับ ซึ่งได้รับผลการตอบรับเป็นอย่างดี โดยในปี 2563 นี้ กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าจะพัฒนาร้านโชวห่วยให้เป็น "สมาร์ท โชวห่วย" จำนวน 30,000 ร้านค้า"
"โดยหลังจากที่ได้รับฟังและพูดคุยถึงรายละเอียด ปัญหา-อุปสรรคของผู้ประกอบการร้านค้าส่งค้าปลีกแล้ว ได้สั่งการให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เร่งสรุปปัญหา-อุปสรรค พร้อมจัดทำแผนพัฒนาโชวห่วยในแต่ละพื้นที่อย่างครบวงจร ตั้งแต่ขนาดเล็ก-ขนาดใหญ่ โดยเน้นความร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อช่วยกันผลักดันให้ร้านโชวห่วยเป็น "สมาร์ท โชวห่วย" โดยเร็ว และเห็นผลเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน เปรียบเสมือน "การติดปีกให้โชวห่วยไทย" ซึ่งผลจากการลงพื้นที่ในครั้งนี้ ยิ่งมีความเชื่อมั่นว่า "โชวห่วย" ยังไงก็ต้องอยู่คู่สังคมไทยไปอีกนาน เป็นธุรกิจที่จะอยู่คู่กับวัฒนธรรมท้องถิ่นของไทยตลอดไป" รมช.พณ.กล่าวทิ้งท้าย