ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส. คาดการณ์ราคาสินค้าเกษตรเดือนตุลาคม ทั้ง ข้าวเปลือกเจ้า
ข้าวเปลือกหอมมะลิ น้ำตาลทรายดิบ ปาล์มน้ำมัน มีแนวโน้มราคาเพิ่มขึ้น ด้านราคาข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ยางแผ่นดิบ มันสำปะหลัง สุกร กุ้งขาวแวนนาไม มีแนวโน้มราคาปรับตัวลดลง
นายสมเกียรติ กิมาวหา ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยถึงสถานการณ์ราคาสินค้าเกษตรเดือนตุลาคม 2562 ที่จัดทำโดย ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส. คาดการณ์ว่า ราคาสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% ราคาจะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 1.25-4.44 อยู่ที่ 7,935-8,185 บาท/ตัน
เนื่องจากประเทศฟิลิปปินส์ประสบปัญหาข้าวขาดตลาด ทำให้ข้าวภายในประเทศมีราคาสูงมาก จึงได้ประกาศยกเลิกการจำกัดปริมาณการนำเข้าข้าวจากต่างประเทศ ถือเป็นโอกาสที่ดีของผู้ส่งออกข้าวไทยที่จะส่งข้าวไปขายเพิ่มขึ้น ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 1.37-2.63 อยู่ที่ 16,832-17,041 บาท/ตัน
เนื่องจากปัญหาอุทกภัยในแหล่งผลิตข้าวหอมมะลิที่สำคัญ โดยเฉพาะจังหวัดอุบลราชธานีซึ่งเป็นแหล่งผลิตข้าวหอมมะลิที่มีคุณภาพและเป็นที่ต้องการของตลาด ทำให้ปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดลดลง น้ำตาลทรายดิบตลาดนิวยอร์ก ราคาเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 2.50-5.70 อยู่ที่ 11.36-11.72 เซนต์/ปอนด์ (7.69-7.93 บาท/กก.)
เนื่องจากการปรับลดประมาณการผลผลิตน้ำตาลของบราซิลในปี 2562/63 ทางภาคกลางและใต้ลดลง คงเหลือ 25.7 ล้านตัน จากคาดการณ์เดิม 27.8 ล้านตัน (JOB Economia et Planejamento, กันยายน 2562) และได้ปรับเพิ่มผลผลิตเอทานอลเป็น 30.7 พันล้านลิตร จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ 28.5 พันล้านลิตร ส่งผลให้เกิดการเข้าซื้อน้ำตาลคืนจากตลาดของกลุ่มกองทุนและนักเก็งกำไร ปาล์มน้ำมัน ราคาเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.38 - 1.94 อยู่ที่ 2.58 - 2.63 บาท/กก.
เนื่องจากนโยบายของรัฐบาลในการเร่งรับซื้อน้ำมันปาล์มเพื่อนำไปผลิตไฟฟ้า จะเป็นการช่วยลดปริมาณสต็อกน้ำมันปาล์มลง และเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ทิศทางราคาปาล์มน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น
ด้านสินค้าเกษตรที่จะมีราคาลดลง ได้แก่ ข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ราคาลดลงจากเดือนก่อน ร้อยละ 1.63-4.99 อยู่ที่ 13,529-14,009 บาท/ตัน เนื่องจากผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาดและมีการนำเข้าข้าวเหนียวบริเวณชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ความชื้นไม่เกิน 14.5% ราคาลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 1.00-1.50 อยู่ที่ 7.36-7.40 บาท/กก.
เนื่องจากการเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์รุ่น 1 ยังมีอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผลผลิตออกสู่ตลาดมากขึ้น ประกอบกับสภาพอากาศที่ความชื้นสูง ส่งผลให้คุณภาพข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลดลง ยางพาราแผ่นดิบ ราคาลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 0.60 – 2.39 อยู่ที่ 37.15 – 37.83 บาท/กก.
เนื่องจากคาดว่าปริมาณผลผลิตในเดือนตุลาคมจะออกสู่ตลาดมากขึ้น ซึ่งเป็นช่วงเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวสภาพอากาศเอื้ออำนวยต่อการกรีดยางพารา ประกอบกับสถานการณ์เงินบาทยังคงแข็งค่า และเศรษฐกิจโลกยังคงชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ความต้องการใช้ยางพาราลดลง อย่างไรก็ตาม มาตรการประกันรายได้ชาวสวนยางพาราและมาตรการอื่นๆ ของรัฐบาล อาทิ การส่งเสริมการใช้ยางพาราภายในประเทศ อาจเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ราคายางพาราปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ มันสำปะหลัง ราคาลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 0.61 - 4.32 อยู่ที่ 1.61 -1.55 บาท/กก.
เนื่องจากปริมาณผลผลิตมันสำปะหลังทยอยออกสู่ตลาดต่อเนื่อง ขณะที่คุณภาพมันสำปะหลังลดลงจากปัญหาอุทกภัยและโรคใบด่าง สุกร ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 3.22 – 4.46 อยู่ที่ 63.25 – 64.07 บาท/กก. เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) ทำให้ประชาชนไม่กล้าบริโภคเนื้อสุกร ประกอบกับเข้าสู่ช่วงเทศกาลกินเจ ทำให้ความต้องการบริโภคเนื้อสุกรลดลง กุ้งขาวแวนนาไม ราคาลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 0.62 – 3.03 อยู่ที่ 120.50 – 123.50 บาท/กก.
เนื่องจากสถานการณ์เงินบาทยังคงแข็งค่า เป็นแรงกดดันให้การส่งออกกุ้งไทยลดลง และเข้าสู่ช่วงเทศกาลกินเจ ส่งผลให้ความต้องการบริโภคกุ้งในประเทศลดลง ขณะที่ปริมาณกุ้งออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น