กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เตรียมลงพื้นที่พบสหกรณ์โคนมห้วยสัตว์ใหญ่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ติดอาวุธเกษตรกรและผู้ประกอบการโคนมไทยเร่งใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอ พร้อมรับมือผลิตภัณฑ์นมนำเข้าจากออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ขยายส่งออกนมแปรรูปสู่ต่างประเทศ
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ เตรียมลงพื้นที่สหกรณ์โคนมไทย - เดนมาร์ค ห้วยสัตว์ใหญ่ จำกัด อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ระหว่างวันที่ 18-19 ตุลาคม 2562 เพื่อเยี่ยมชมการทำงานของสหกรณ์ฯ ในการรวบรวมผลผลิตน้ำนมดิบของสมาชิกเพื่อจำหน่ายในท้องตลาด ทั้งรูปแบบน้ำนมโคสด UHT และนมอัดเม็ด
เนื่องจากสหกรณ์โคนมห้วยสัตว์ใหญ่เป็น 1 ในผู้ประกอบการและสหกรณ์โคนม 10 ราย ที่ได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการ “จัดทัพโคนมไทย บุกตลาดต่างประเทศด้วยเอฟทีเอ ปี 2562” ซึ่งกรมฯ จัดขึ้นเพื่อเตรียมความพร้อมเกษตรกรและผู้ประกอบการโคนมไทย ใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอ โดยการให้คำปรึกษาแนะนำเพื่อให้ผู้เข้าร่วมโครงการสามารถขยายตลาดนมและผลิตภัณฑ์ไปยังประเทศที่ไทยมีเอฟทีเอด้วย และไม่เก็บภาษีนำเข้ากับนมและผลิตภัณฑ์จากไทยแล้ว เช่น อาเซียน และจีน เป็นต้น ขณะเดียวกันยังเป็นการเตรียมความพร้อมเกษตรกร และผู้ประกอบการนมของไทยให้สามารถรับมือกับผลิตภัณฑ์นมนำเข้าจากออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ที่ไทยต้องเปิดตลาดให้สินค้าเหล่านี้ในปี 2564 และ 2568
นางอรมน เสริมว่า โครงการจัดทัพโคนมไทย ที่กรมฯ จัดขึ้นในปีนี้ เป็นโครงการต่อเนื่องจากความสำเร็จของโครงการปีที่แล้ว ที่กรมฯ ได้นำเกษตรกรและผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการไปเปิดตลาดนมที่นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยครั้งนี้ จะเน้นการเปิดตลาดนมแปรรูปที่สิงคโปร์ และเตรียมความพร้อมโดยการให้คำปรึกษาแนะนำเกษตรกรและผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการด้านกระบวนการผลิตและแปรรูป การคัดเลือกน้ำนมคุณภาพ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การออกแบบบรรจุภัณฑ์ การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ การทำตลาด รวมทั้งการนำน้ำนมดิบไปผลิตสินค้าอื่นๆ เช่น นมอัดเม็ด โปรตีนนมผง เป็นต้น เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้า และเร่งให้ผู้ประกอบการใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอที่ไทยจัดทำประเทศคู่ค้า เพื่อขยายการส่งออก
นางอรมน ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า สหกรณ์โคนมไทย-เดนมาร์ค ห้วยสัตว์ใหญ่ จำกัด เป็นสหกรณ์ที่จัดตั้งขึ้นภายใต้โครงการในพระราชดำริ ห้วยสัตว์ใหญ่ป่าเด็ง-ป่าละอู ในปี 2523 ปัจจุบันสหกรณ์ฯ มีสมาชิก 605 คน มียอดรับน้ำนมดิบวันละ 25 ตัน มีรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมโคแปรรูป 170 ล้านบาทต่อปี ผลิตนมพาสเจอร์ไรส์ 54,000 ถุงต่อวัน และนมอัดเม็ด 80,000 ซองต่อปี และถือเป็นหน่วยงานแห่งที่ 3 ที่สามารถผลิตนมผงด้วยวิธีการ “Spray Dry” ได้ต่อจากสหกรณ์โคนมวังน้ำเย็น และโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา ซึ่งถือเป็นสหกรณ์โคนมตัวอย่างที่ กรมฯ จะเข้าเยี่ยมชมให้คำปรึกษาด้านการค้าระหว่างประเทศ และใช้เอฟทีเอขยายการส่งออก
ทั้งนี้ อุตสาหกรรมนมโคแปรรูปของไทยมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มมากขึ้น โดยมูลค่าการค้าและมูลค่าการส่งออกสินค้านมและผลิตภัณฑ์นมของไทย ในช่วง 3 ปีหลัง (2559-2561) เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมูลค่าการส่งออก ในช่วง 7 เดือนแรก (ม.ค.-ก.ค.) ของปี 2562 อยู่ที่ 138 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 15.3 สินค้าส่งออกหลัก คือ โยเกิร์ต และนม UHT โดยมีประเทศในแถบอาเซียนเป็นคู่ค้าหลัก เช่น กัมพูชา ขยายตัวร้อยละ 30 ฟิลิปปินส์ ขยายตัวร้อยละ 40 และสิงคโปร์ ขยายตัวร้อยละ 13 รวมทั้งฮ่องกง และจีน เป็นต้น ซึ่งเป็นประเทศที่มีความตกลงเอฟทีเอกับไทยและได้ลดภาษีนำเข้าสินค้านมโคให้กับไทยแล้ว