"วีรศักดิ์" เผยข่่าวดีภายใต้นโยบายขยายตลาดส่งออกสินค้าไทยโดยใช้ประโยชน์จากข้อตกลงเปิดเขตการค้าเสรี หรือ FTA ล่าสุด! สหกรณ์และผู้ประกอบการโคนมแปรรูปไทย 13 บริษัท เจรจาเปิดตลาดสินค้าไทยเข้าสู่สิงคโปร์ได้สำเร็จ มั่นใจโกยออเดอร์ตามมาเพียบหลังคู่ค้านัดหมายเข้ามาเยี่ยมชมกิจการในไทยหลายราย
นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า หลังจากกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ได้นำคณะสหกรณ์โคนม และผู้ประกอบการนมโคแปรรูปที่ผ่านการคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการ "จัดทัพโคนมไทย บุกตลาดต่างประเทศด้วย FTA" จำนวน 13 ราย เดินทางไปเปิดตลาดการค้าในสิงคโปร์ ผลปรากฏว่ามีบริษัทผู้นำเข้า ผู้กระจายสินค้า และบริษัท IT ในสิงคโปร์ 27 บริษัท
เข้ามาสร้างเครือข่าย networking กับผู้ประกอบการ สหกรณ์โคนมแปรรูปไทยทั้ง 13 บริษัท โดยได้แลกเปลี่ยนข้อมูล ประสบการณ์ ตลอดจนพูดคุยเกี่ยวกับข้อเสนอราคา การจัดส่งสินค้า และมีนัดกำหนดการไปเยี่ยมชมโรงงาน และฟาร์มโคนมไทยเกือบทุกราย เพื่อเป็นการเปิดทางเข้าสู่การเป็นคู่ค้าร่วมกันต่อไป มีการหารือทั้งในเรื่องการนำเข้าสินค้าไทยเข้าตลาดออนไลน์และออฟไลน์ของสิงคโปร์
รวมถึงในส่วนของการเป็นคู่ค้าแบบรับจ้างผลิต หรือ OEM ในสินค้านมสดพลาสเจอร์ไรซ์ นมยูเอชที นมอัดเม็ด โยเกิร์ต และไอศกรีม โดยทุกบริษัทจากสิงคโปร์มองว่า การเข้าร่วมงานเจรจาจับคู่ธุรกิจ หรือ Business Matching ในครั้งนี้เป็นประโยชน์อย่างมาก ทำให้ได้คู่ค้าเพิ่มจากประเทศไทย และในการเจรจาก็ได้เน้นเรื่องราคาที่ไทยมีแต้มต่อจาก FTA
นอกจากนี้ื สินค้าไทยยังได้มาตรฐานระดับสากล มีเครื่องหมายฮาลาล และมีมาตรฐานโรงงาน ทำให้เชื่อมั่นต่อคุณภาพของสินค้าไทย รวมถึงยังได้เห็นพัฒนาการของสินค้าโคนมแปรรูปไทยที่เพิ่มนวัตกรรมเข้าไปในตัวสินค้า เช่น นมฟรีแลคโตส และนมป้องกันฟันผุ และ นม A2+ ที่มีโครงสร้างโปรตีนคล้ายนมแม่ เป็นต้น
นายวีรศักดิ์ กล่าวว่า นอกจากกิจกรรม Business Matching แล้ว กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศยังได้นำคณะผู้ประกอบการ และสหกรณ์ เข้าเยี่ยมคารวะท่านอุปทูต (นายทวีเกียรติ เจนประจักษ์) ณ สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ สิงคโปร์ โดยมี น.ส. สุปราณี ก้องเกียรติกมล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ หรือ สคต. สิงคโปร์ ร่วมบรรยายเรื่องภาพรวมเศรษฐกิจการค้าและการตลาดในประเทศสิงคโปร์
และยังได้เชิญ Business Development Director จากบริษัท Business Engineers Asia มาบรรยายสร้างความเข้าใจเรื่องกฎระเบียบทางการค้า การทำตลาด การตั้งราคา ขั้นตอนการนำเข้ามาตลาดสิงคโปร์ และเทคนิคการเจรจากับบริษัทนำเข้า และเปิด Export Clinic ให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการแต่ละรายในเรื่องการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ขนาด และการออกแบบบรรจุภัณฑ์ พร้อมเป็นคู่ค้ากับผู้ประกอบการไทยด้วย
ซึ่งฝั่งผู้ประกอบการไทยก็พอใจมากโดยเห็นว่า กิจกรรมครั้งนี้เป็นประโยชน์ สามารถนำความรู้ มุมมองใหม่ ที่ได้รับไปปรับใช้ต่อยอดธุรกิจ ทำให้ตระหนักถึงความสำคัญเรื่องการผลิตที่ได้มาตรฐาน และเข้าใจความต้องการของตลาดได้เป็นอย่างดี
นายวีรศักดิ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า "กระทรวงพาณิชย์ ให้ความสำคัญกับการเตรียมรับมือการค้าเสรีที่ไทยจะต้องเปิดตลาดสินค้านมและเนื้อโคในปี 2564 และ 2568 ภายใต้ความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) และความตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นไทย-นิวซีแลนด์ (TNZCEP) ซึ่งพบว่า เกษตรกรและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมโคนมและโคเนื้อของไทย มุ่งมั่นที่จะปรับตัวเพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคง
มีการสร้างเครือข่ายการแปรรูป และพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้หลากหลายได้มาตรฐานสากล อีกทั้งยังพยายามรักษามาตรฐานสินค้าให้อยู่ในระดับพรีเมียมตั้งแต่การคัดเลือกพันธุ์ การพัฒนาสายพันธุ์เพื่อให้มีคุณภาพดี เอาใจใส่ในการเลี้ยง มีระบบตรวจสอบย้อนกลับของสินค้าเนื้อโค มีการปรับปรุงโรงฆ่าสัตว์เข้าสู่ระบบมาตรฐาน GMP เพื่อสร้างความมั่นใจในสินค้าให้แก่ผู้บริโภค
ซึ่งผมมั่นใจในศักยภาพอุตสาหกรรมโคนมแปรรูปไทยมากว่ามีความพร้อมสูงมากในการรุกตลาดต่างประเทศด้วย FTA และขณะเดียวกันก็พร้อมรับมือต่อการเปิดตลาดการค้าเสรีผลิตภัณฑ์นมที่จะเกิดขึ้นในปี 2568 ด้วยเช่นกัน"