นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ในงานการจับคู่ธุรกิจสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์แปรรูปประจำปีงบประมาณ 2563
จัดโดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ว่า เป็นโครงการที่กระทรวงพาณิชย์จัดขึ้นเพื่อเพิ่มมูลค่าการส่งออกและใช้เป็นเวทีการเจรจาการค้า เบื้องต้นมีมูลค่าการเจรจาจากการจัดโครงการจับคู่ธุรกิจสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูป คิดเป็นมูลค่าประมาณ 7,000 ล้านบาท แต่ตัวเลขยังไม่จบ เพราะยังมีการเจรจากันต่อ คาดว่าจะเพิ่มขึ้นได้อีก
ทั้งนี้ รายละเอียดการลงนาม MOU และการเจรจาจับคู่ธุรกิจ แยกเป็นมูลค่าการเจรจาจากการลงนาม MOU ระหว่างบริษัทไทยและคู่ค้าต่างประเทศ ได้แก่ ฮ่องกง ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ จีน และอินเดีย จำนวน 14 ฉบับ มูลค่าการซื้อขายคิดเป็นจำนวนทั้งสิ้น 138.69 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 4,160 ล้านบาท ประกอบด้วยสินค้าข้าว (ข้าวหอมมะลิไทย ข้าวหอม ข้าวขาว ข้าวเหนียว) ปริมาณรวม 145,000 ตัน จะซื้อขายภายใน 1 ปี ,
สินค้าผลไม้อบแห้ง มะพร้าวอบแห้ง มะม่วงอบแห้ง 50 ตู้ ภายใน 5 ปี สินค้ามะขามหวาน 20 ตู้ ภายใน 1 ปี , การลงนาม MOU ข้อตกลงซื้อขายสินค้าเกษตรระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกับกับ Bigbasket.com ของอินเดีย (บริษัท Supermarket Grocery Supplies Pvt. Ltd.) มูลค่า 5 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 150 ล้านบาท ภายใน 2 ปี และมูลค่าคาดการณ์การค้าภายในงานเจรจาจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) คิดเป็นจำนวน 94 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2,820 ล้านบาท
“วันนี้ ถือว่าเป็นวันพิเศษของประเทศไทย ที่กระทรวงพาณิชย์ได้จัดให้มีการพบปะกันระหว่างผู้ส่งออกของไทยและผู้นำเข้าจากประเทศต่างๆ ที่มาจากทั้งประเทศจีน อินเดีย ญี่ปุ่นเกาหลีใต้ อาเซีย ตะวันออกกลาง สหภาพยุโรป อเมริกา และแอฟริกา รวมทั้งสิ้น 176 บริษัท โดยมีบริษัทจากประเทศไทยที่เป็นผู้ส่งออกมารวมกันอยู่ในที่นี้รวมทั้งสิ้น 150 บริษัท เพื่อเจรจาทำธุรกิจกัน ก่อให้เกิดการซื้อขายระหว่างกันที่สามารถคำนวณเป็นตัวเลขส่งออกของประเทศไทยได้ในทันที และขอแสดงความยินดีล่วงหน้ากับผู้ส่งออกไทยที่จะช่วยกันทำตัวเลขการส่งออกให้กับประเทศ”นายจุรินทร์กล่าว
สำหรับสินค้าที่จะนำมาใช้ในการเจรจาซื้อขายกันในที่ประชุมแห่งนี้ ประกอบด้วยสินค้าทั้งหมด 5 หมวด ซึ่งจะมุ่งเน้นสินค้าทางการเกษตรและสินค้าเกษตรแปรรูป ประกอบด้วยยางพารา มันสำปะหลัง ข้าว ผลไม้แปรรูป และผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพ โดยเป็นความร่วมมือระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศและกรมการค้าระหว่างประเทศ ที่ได้เชิญผู้ซื้อ ผู้นำเข้า ให้มาพบปะเจรจากับผู้ผลิต ผู้ส่งออกของไทย และผลจากการเจรจาซื้อขายในครั้งนี้ นอกจากเพิ่มยอดการส่งออกให้กับประเทศแล้ว ยังจะส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตรภายในประเทศปรับตัวสูงขึ้นด้วย