หลาย ๆ คนที่กำลังคิดจะทำธุรกิจแฟรนไชส์ แต่ไม่กล้าคิดใหญ่ด้วยกลัวว่าจะไม่ประสบความสำเร็จ และคิดว่าตนเองนั้น ไม่สามารถทำงานใหญ่ได้ ทำให้เป็นตัวปิดกั้นความคิดให้ไม่สามารถที่จะคิดการใหญ่ได้ ทั้งๆ ที่มีศักยภาพ แต่เป็นเพียงเพราะตนเองยังไม่มั่นใจ ชี้ช่องรวย จึงอยากจะบอกว่า ในยุค Digital 4G ที่กำลังจะเขยิบก้าวสู่ยุค 5 G ในเวลาอีกไม่นาน คุณจึงควรจะมีการปรับเปลี่ยนวิธีคิด แนวคิด และปลุกความคิดของตัวคุณเองให้เชื่อมั่นมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
วันนี้ ชี้ช่องรวย จึงขอนำเอาเรื่องราวที่จะสามารถนำมาเป็นเครื่องมือทางแนวความคิดการดำเนินการคิดใหญ่ ไม่คิดเล็ก ดังนี้
1.กลวิธีสร้างความเชื่อให้กับตนเอง
ก่อนอื่นคุณต้องเปลี่ยนความคิดของคุณเสียใหม่ ว่าสิ่งที่คุณทำจะต้องสำเร็จ อย่าคิดว่าจะล้มเหลวเด็ดขาด เพราะเพียงแค่คุณคิด คุณก็ก้าวเท้าเข้าสู่ความล้มเหลวไปครึ่งตัวแล้ว นอกจากนี้ ต้องย้ำเตือนตัวเองอยู่เสมอว่า คุณมีความสามารถและมีความเก่งในแบบฉบับของตัวเอง ความมั่นใจต้องมา หากคิดใหญ่ ขนาดของความสำเร็จก็จะใหญ่ ซึ่งเชื่อว่าดีกว่าความเชื่อที่คิดการเล็ก หากประสบผลสำเร็จก็จะสำเร็จเล็ก ๆ
2.รักษาอาการจากข้ออ้าง
ให้มองอายุในปัจจุบันในเชิงบวก ให้คิดว่ายังหนุ่มยังสาว ไม่ใช่แก่แล้ว รวมทั้งให้คิดในสิ่งใหม่ สร้างความกระตือรือร้น และความรู้สึกของความเป็นหนุ่มของคุณเพิ่มขึ้น การคำนวณเวลาที่คุณยังสามารถทำงานได้อย่างขยันขันแข็ง คนอายุ 30 ปี ยังสามารถใช้เวลาที่จะทำงานอีกถึง 90 %และคนอายุ 50 ปี เหลือเวลาทำงานอีกถึง 50 % คนที่อายุ 60 ก็ยังสามารถทำงานได้ 40 %ที่ดีที่สุดในชีวิตของเขาและมีประสบการณ์มากขึ้นทุกวัน นอกจากนี้ ให้ใช้เวลาในสิ่งที่คุณต้องการทำจริง ๆ จะสายเกินไปถ้าปล่อยให้จิตใจเป็นไปในทางลบและคิดว่ามันสายเกินไปเสียแล้ว จะต้องเลิกคิดว่า เราควรจะเริ่มมานานแล้ว เพราะนั่นเป็นความคิดล้มเหลว ให้คิดใหม่เสมอว่าพร้อมที่จะเริ่มต้นทุกเมื่อ
3.รักษาอาการแก้ตัว บ่อเกิดแห่งความล้มเหลว
โดยใช้ หลัก 2 ประการ เพื่อเอาชนะข้ออ้างเรื่องโชค ได้แก่
3.1 ยอมรับกฎของสาเหตุและเหตุผล ให้พิจารณาอีกครั้งถึงสิ่งที่ดูว่าเป็น โชคดีของคนอื่น แล้วจะพบว่าไม่ใช่เรื่องของดวงแต่เป็นเรื่องของการเตรียมการ การวางแผนและความคิดที่มุ่งมั่นไปสู่ความสำเร็จ ซึ่งที่เป็นเรื่องที่มาก่อนโชคลาภ ขอให้พิจารณาอีกครั้งถึงเรื่องที่ดูเหมือนเป็นโชคร้าย
3.2 อย่าเป็นคนเพ้อฟัน อย่าคิดให้เปลืองสมองและฝันถึงวิธีการเอาชนะหรือประสบผลสำเร็จ ”โดยไม่ต้องทำอะไรเลย” หากเป็นเช่นนั้นจะไม่สามารถทำผลสำเร็จได้ ไม่สามารถก้าวหน้าในตำแหน่งงาน ไม่สามารถประสบชัยชนะ หรือแม้แต่จะได้สิ่งดีๆในชีวิตแต่มันกลับตรงกันข้าม
4.สร้างความเชื่อมั่นและทะลายความหวาดกลัวให้กับตนเอง
โดยสรุปหลักปฏิบัติในการสร้างความเชื่อมั่นและทะลายความหวาดกลัวให้ตัวเองมีง่าย ๆ ดังนี้
4.1 หลักปฏิบัติเพื่อรักษาความกลัว แยกแยะความกลัวออกมาแล้วทำในสิ่งที่เหมาะสม การที่ไม่ทำอะไรเลย ในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเท่ากับการเสริมความกลัวและทำลายความมั่นใจ
4.2 เติมกำลังความคิดบวกลงในความทรงจำ อย่าให้ความคิดเป็นลบหรือตำหนิตัวเองมันจะเป็นอสูรกายทางจิตใจ อย่าฟื้นความหลังที่ขมขื่น แต่จงให้กำลังใจกับผลสำเร็จในอดีต
4.3 จงอยู่ในสถานภาพที่เหมาะสม คนเรามีความเหมือนกันกว่าที่จะแตกต่างกัน มองทุกคนด้วยความรู้สึกที่ดีและเท่าเทียมกัน เราก็เป็นเพียงมนุษย์อีกคนหนึ่งและสร้างทัศนคติที่เข้าใจผู้คนจำนวนมาก
4.4 ทำในสิ่งที่จิตสำนึกของคุณบอกว่าถูกต้อง จะเป็นเกราะป้องกันความรู้สึกผิดในจิตใจไม่ให้เกิดขึ้น ทำสิ่งที่ถูกต้องแห่งความสำเร็จที่ใช้ได้ผลในทางปฏิบัติ
5.ทำทุกสิ่งทุกอย่างที่จะบอกว่า “ฉันมั่นใจ มั่นใจจริง ๆ”
สิ่งที่ควรนำมาปรับปรุงตนเอง
1.เป็นคนนั่งแถวหน้า ยังคงมีการใช้วิธีการมาก่อนนั่งข้างหลังเช่นกับนักเรียนอยู่ หากจะเดินไปข้างหน้า หากจะเป็นคนนำ ต้องเป็นคนนั่งแถวหน้า
2.สบตาคนที่คุณคุยด้วย การหลบสายตากับผู้ที่สนทนาด้วยมันสิ่งแสดงว่า ไม่มั่นใจ และมีสิ่งปกปิดในใจ จงสบตากล้าที่จะเผชิญน่ากับคู่สนทนา
3.เดินเร็วขึ้น 25 เปอร์เซ็นต์ บางท่านเป็นคนช้า เซื่องซึม จำเป็นที่จะต้องเพิ่มความเร็วในการเดินอย่างน้อยเดินให้ทันผู้นำ
4.พูดจาฉะฉาน ชัดถ้อย ชัดคำ จะทำให้ผู้ที่สนทนาด้วยเกิดความมั่นใจในคำพูดของท่าน อย่าพูดอ้อมแอ้ม อาจจะเป็นบ่อเกิดของความไม่ใส่ใจของคู่สนทนาของท่าน
5.ยิ้มเปิดเผย ยิ้มอย่างเปิดเผยเป็นการแสดงออกถึงความจริงใจที่ยิ้มและไม่มีเลศนัยหรือเสแสร้งยิ้ม
6.คิดใหญ่ดีกว่าในทุกทาง
ให้เอาชนะความรู้สึกดูถูกตัวเอง มุ่งเน้นในคุณสมบัติของตัวเอง โดยคิดเสมอว่า คุณดีกว่าที่คุณคิด และคุณทำดีกว่าที่เคยทำ การคิดใหญ่ ด้วยความสดใสร่าเริง ให้สัญญากับตัวเองว่าจะชนะ ให้ความหวัง ความสุข ความรื่นเริง หลีกเลี่ยงความเศร้าซึม การมองให้ไกลว่าอะไรจะเป็นไปได้ ไม่ใช่เฉพาะสิ่งที่เป็นอยู่ ฝึกเพิ่มคุณค่าให้กับสิ่งต่าง ๆ คนอื่นและให้กับตัวคุณเอง รวมทั้งมองให้ใหญ่ขึ้น คิดอย่างจริงจังถึงความสำคัญของงานที่ทำอยู่ การเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง ขึ้นอยู่กับทัศนคติที่คุณมองงานในปัจจุบัน ที่สำคัญไม่ควรคิดเรื่องจุกจิกให้หันมา ใส่ใจวัตถุประสงค์หลักจะดีกว่าเข้าไปวุ่นวายกับเรื่องจุกจิกเล็กน้อยทั้งหลาย นี่คือข้อสรุปของการเติบใหญ่โดยการคิดใหญ่
การ คิดใหญ่ ทำใหญ่ สร้างทัศนคติในเชิงบวกให้กับตนเอง ให้กับงานที่ทำ ให้กับผู้ร่วมงาน และให้กับองค์กร การคิดใหญ่ การทำใหญ่ หากผลไม่เป็นไปตามต้องการที่วางไว้แต่มั่นใจว่า จะต้องได้มากกว่าคิดเล็กทำเล็กแล้วผลออกมาเล็กๆ ถ้าไม่ถึงเป้าหมายที่วางไว้ก็จะได้ผลที่เล็ก แต่สิ่งที่ใช้เท่ากันระหว่างการคิดใหญ่ ทำใหญ่ก็คือ เวลาที่ใช้ไป ดังนั้นหาก จะใช้เวลาให้คุ้มค่าแล้วน่าจะคิดใหญ่ ดีกว่าคิดเล็กค่ะ