นางโสรดา เลิศอาภาจิตร์ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า แถลงข่าวการจดทะเบียนธุรกิจของ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ประจำเดือนธันวาคม 2562 และประจำปี 2562 โดยมีรายละเอียด ดังนี้
ผลการจดทะเบียนธุรกิจ
ธุรกิจจัดตั้งใหม่เดือนธันวาคม
- ธุรกิจจัดตั้งใหม่ มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทใหม่ทั่วประเทศ ในเดือนธันวาคม 2562 จำนวน 3,158 ราย มีมูลค่าทุนจดทะเบียน 21,451 ล้านบาท
- ประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 287 ราย คิดเป็น ร้อยละ 9 รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 236 ราย คิดเป็นร้อยละ 7 และอันดับ 3 คือ ธุรกิจภัตตาคาร /ร้านอาหาร จำนวน 104 ราย คิดเป็นร้อยละ 3 ตามลำดับ
- ธุรกิจจัดตั้งใหม่แบ่งตามช่วงทุน โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศมากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท มีจำนวน 2,048 ราย คิดเป็นร้อยละ 64.85 รองลงมา คือช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท จำนวน 1,021 ราย คิดเป็นร้อยละ 32.33 รองลงมา คือช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท มีจำนวน 63 ราย คิดเป็น ร้อยละ 2.00 และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 26 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.82 ตามลำดับ
ธุรกิจจัดตั้งใหม่ปี 2562
- ธุรกิจจัดตั้งใหม่ ธุรกิจจัดตั้งใหม่สะสมตั้งแต่เดือน ม.ค. - ธ.ค. 62 มีจำนวน 71,485 ราย มีมูลค่า ทุนจดทะเบียน 327,464 ล้านบาท
- ประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 6,436 ราย คิดเป็นร้อยละ 9 รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 4,170 ราย คิดเป็นร้อยละ 6 และอันดับ 3 คือ ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร จำนวน 2,113 ราย คิดเป็นร้อยละ 3 ตามลำดับ
- ธุรกิจจัดตั้งใหม่แบ่งตามช่วงทุน โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศมากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท มีจำนวน 51,239 ราย คิดเป็นร้อยละ 71.68 รองลงมา คือช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท จำนวน 18,912 ราย คิดเป็นร้อยละ 26.45 รองลงมา คือช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท มีจำนวน 1,127 ราย คิดเป็นร้อยละ 1.58 และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 207 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.29 ตามลำดับ
ธุรกิจเลิกประกอบกิจการเดือนธันวาคม
- ธุรกิจเลิกประกอบกิจการ ในเดือนธันวาคมมีธุรกิจเลิกประกอบกิจการจำนวน 5,666 ราย มูลค่า ทุนจดทะเบียนรวมทั้งสิ้น 21,729 ล้านบาท
- ประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 496 ราย คิดเป็นร้อยละ 9 รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 296 ราย คิดเป็นร้อยละ 5 และธุรกิจภัตตาคาร / ร้านอาหาร จำนวน 151 ราย คิดเป็นร้อยละ 3 ตามลำดับ
- ธุรกิจเลิกประกอบกิจการแบ่งตามช่วงทุน โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจเลิกประกอบกิจการทั่วประเทศ มากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 3,973 ราย คิดเป็นร้อยละ 70.12 รองลงมาคือช่วงทุนมากกว่า 1- 5 ล้านบาท จำนวน 1,421 ราย คิดเป็นร้อยละ 25.08 ลำดับถัดไปคือช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 251 ราย คิดเป็นร้อยละ 4.43 และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท มีจำนวน 21 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.37 ตามลำดับ
ธุรกิจเลิกประกอบกิจการประจำปี 2562
- ธุรกิจเลิกประกอบกิจการ ธุรกิจเลิกประกอบกิจการสะสมตั้งแต่เดือน ม.ค. - ธ.ค. 62 มีจำนวน 22,129 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียนรวมทั้งสิ้น 112,097 ล้านบาท
- ประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 2,052 ราย คิดเป็นร้อยละ 9 รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 1,311 ราย คิดเป็นร้อยละ 6 และธุรกิจภัตตาคาร / ร้านอาหาร จำนวน 574 ราย คิดเป็นร้อยละ 3 ตามลำดับ
- ธุรกิจเลิกประกอบกิจการแบ่งตามช่วงทุน โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจเลิกประกอบกิจการทั่วประเทศ มากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 15,478 ราย คิดเป็นร้อยละ 69.89 รองลงมาคือช่วงทุนมากกว่า 1- 5 ล้านบาท จำนวน 5,534 ราย คิดเป็นร้อยละ 24.98 ลำดับถัดไปคือช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 1,020 ราย คิดเป็นร้อยละ 4.67 และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท มีจำนวน 97 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.46 ตามลำดับ
ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ ณ เดือนธันวาคม
- ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ทั้งสิ้น (ณ วันที่ 31 ธ.ค. 62) ธุรกิจที่ยังคงดำเนินกิจการอยู่ทั่วประเทศ จำนวน746,298 ราย มูลค่าทุน 18.37 ล้านล้านบาท จำแนกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด / ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล จำนวน 183,953 ราย คิดเป็นร้อยละ 24.65 บริษัทจำกัด จำนวน 561,087 ราย คิดเป็นร้อยละ 75.18 และบริษัทมหาชนจำกัด จำนวน 1,258 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.17 ตามลำดับ
- ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่แบ่งตามช่วงทุน ธุรกิจส่วนใหญ่มีช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 440,315 ราย คิดเป็นร้อยละ 59.00 รวมมูลค่าทุน 0.39 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 2.12 รองลงมา คือ ช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท จำนวน 219,519 ราย คิดเป็นร้อยละ 29.42 รวมมูลค่าทุน 0.72 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 3.92 รองลงมา คือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 70,919 ราย คิดเป็นร้อยละ 9.50 รวมมูลค่าทุน 1.93 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 10.51 และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 15,545 ราย คิดเป็นร้อยละ 2.08 รวมมูลค่าทุน 15.33 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 83.45 ตามลำดับ
แนวโน้มการจัดตั้งธุรกิจ 2563
เมื่อพิจารณาอัตราการเติบโตของการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจย้อนหลัง (2559-2562) พบว่ามีค่าเฉลี่ย 3.52% รวมทั้งการขยายตัวของเศรษฐกิจที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยประมาณจำนวนการจัดตั้งธุรกิจใหม่ในปี 2563 ที่ 71,000 - 73,000 ราย แต่อย่างไรก็ตามยังต้องพิจารณาปัจจัยทางเศรษฐกิจอื่นๆ ตลอดทั้งปีด้วยไม่ว่า จะเป็นความผันผวนของเศรษฐกิจโลก สถานการณ์การค้าระหว่างประเทศ ซึ่งจะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของจำนวน จัดตั้งธุรกิจใหม่ในปี 2563
การลงทุนประกอบธุรกิจในไทยภายใต้กฎหมายต่างด้าว
เดือนธันวาคม
- เดือนธันวาคม 2562 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจทั้งสิ้น 47 ราย แบ่งเป็นใบอนุญาต ประกอบธุรกิจจำนวน 24 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจจำนวน 23 ราย โดยมีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 6,512 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุด ได้แก่ ญี่ปุ่น จำนวน 10 ราย เงินลงทุน 252 ล้านบาท รองลงมา ได้แก่ สิงคโปร์ จำนวน 8 ราย เงินลงทุน 173 ล้านบาท และเนเธอร์แลนด์ 4 ราย เงินลงทุน 139 ล้านบาท
- เดือนมกราคม - ธันวาคม 2562 คนต่างด้าวได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจ จำนวน 608 ราย มีเงินลงทุนทั้งสิ้น 192,341 ล้านบาท และเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปรากฏว่าเงินลงทุนเพิ่มขึ้น 72,247 ล้านบาท (60%) เนื่องจากใน ปี 62 มีต่างชาติลงทุนประกอบธุรกิจที่ต้องใช้เงินลงทุนสูง อาทิ
บริการขุดเจาะปิโตรเลียม บริการออกแบบทางวิศวกรรมและบริหารจัดการโครงการรื้อถอนแท่นขุดเจาะก๊าซธรรมชาติในทะเล บริการออกแบบติดตั้ง ตรวจสอบ ทดสอบ และบริหารจัดการโครงการประตูกั้นชานชาลาแบบครึ่งความสูง บริการออกแบบ ติดตั้ง ให้คำปรึกษาแนะนำทางด้านวิศวกรรม และการปรับปรุงระบบจัดเก็บค่าโดยสารในโครงการรถไฟฟ้า เป็นต้น