ปกติแล้วตลาดนัด ที่เราเห็นโดยส่วนใหญ่จะเป็นตลาดช่วงบ่าย หรือ ช่วงเย็นเป็นส่วนใหญ่ และน้อยที่นักที่จะเป็นตลาดนัดเช้า ซึ่งส่วนใหญ่ตลาดนัดที่มีขายของกันตอนเช้า พื้นที่เช่าเพื่อขายของก็มักจะเต็ม หรือถ้ามีก็ได้ทำเลขายที่ไม่ตรงใจนัก หรือหาที่ลงกันไม่ค่อยได้ โดยเฉพาะวันหยุดเสาร์-วันอาทิตย์ที่หลายท่านที่ทำงานประจำอยากจะหารายได้เสริม
ภาพประกอบจาก Shutterstock โดย khak
แล้วเราจะทำยังไงดีละถึงจะมีที่ขายของตอนเช้าได้
ถ้าเราตามหาตลาดนัดช่วงเช้าที่มีอยู่นั้นออกจะลำบากอยู่ซักหน่อย เพราะด้วยตลาดนัดดีๆ ก็หาที่ยาก คนที่ต้องการขายของมีเยอะ ซึ่งเมื่อเป็นแบบนี้ก็อาจจะลองหาตลาดทดแทน โดยมองหาตลาดชุมชน ตลาดหมู่บ้าน ซึ่งเกือบทุกที่จะต้องมีตลาดเช้าแบบนี้อยู่แน่นอน
ตลาดหมู่บ้านที่มีขนาดเล็ก โดยส่วนใหญ่จะเป็นที่สาธารณะของหมู่บ้านหรือที่ของวัด สินค้าที่วางขายโดยส่วนใหญ่พ่อค้า แม่ค้า ในชุมชนจะนำสินค้าที่รับมาจากตลาดใหญ่มาขาย ในราคาที่แพงขึ้นมาอีกนิดหน่อย เราสามารถสอบถามจาก พ่อค้า แม่ค้า เจ้าถิ่น ในตลาดแถวนั้นดูได้ว่าที่ตรงไหนว่างอยู่ เราก็สามารถนำสินค้ามาวางขายได้เลย ปกติจะมีพื้นที่ว่างจะมีอยู่แล้ว ตอนสายๆ จะมีคนมาเก็บค่าบำรุง 5-10 บาท
ภาพประกอบจาก Shutterstock โดย OlegD
สินค้าตัวไหนที่เหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย ทำอย่างไรถึงขายได้
ตลาดหมู่บ้านขนาดเล็ก มักจะมีกลุ่มลูกค้าที่เป็นคนในชุมชน โดยทั่วไปจะมี
1.คนทำงานที่ออกมาซื้ออาหารสำเร็จเพราะต้องการความรวดเร็ว ดังนั้นอาหารที่ปรุงสำเร็จพร้อมอยู่ในบรรจุภัณฑ์ จะเหมาะกับคนกลุ่มนี้
2.กลุ่มแม่บ้าน และกลุ่มผู้สูงอายุ ที่มักจะซื้ออาหารประจำวัน และจะใช้เวลาอยู่ในตลาดนานพอสมควร เพราะนอกจากจะออกมาจับจ่ายซื้อของแล้ว ยังเป็นที่รวมกลุ่มชุมชน พูดคุยแลกเปลี่ยนข่าวสารกันอีกด้วย ดังนั้นถ้าเราต้องการวางขายสินค้าควรแตกต่างจากนี้ ยกตัวอย่าง เช่น เสื้อผ้าของผู้สูงอายุ หรือเสื้อผ้าไปวัด สินค้าแฟชั่นสำหรับผู้หญิง หรือสำหรับเด็ก ของใช้ในชีวิตประจำวัน ฯลฯ
ภาพประกอบจาก Shutterstock โดย Ko Aun Lee
ข้อควรระวัง
– สำหรับการขายของตามตลาดเช้าของหมู่บ้าน คือ ไม่ควรไปบ่อยเกินไป อาจจะอาทิตย์ละครั้ง หรือ เดือนละครั้ง เพราะว่า กลุ่มผู้ซื้อมีจำนวนน้อย ไม่ซื้อซ้ำกันบ่อยแน่นอน
– ควรตรวจสอบเรื่องผู้ขายในตลาดเรื่อง ขาจร ที่เค้ามาเป็นประจำ ทุก อาทิตย์หรือ ทุกเดือน ไว้ด้วย เพื่อไม่ให้ลงตลาดที่ซ้ำกัน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : http://kadnad.org/