ปลัดอุตสาหกรรม แท็กทีม 6 หน่วยงานพันธมิตร ภาครัฐและเอกชน สานต่อ “โครงการ หนุน SMEs ไทย ก้าวไกลไปด้วยกัน” ครั้งที่ 2 ณ จังหวัดอุดรธานี อุ้มผู้ประกอบการแดนอีสานเข้าถึงความรู้คู่ทุน จัดประชุมพร้อมเปิดเวทีระดมความคิดเห็น ร่วมพัฒนาเอสเอ็มอีครอบคลุมทุกมิติ เติบโตพร้อมกัน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า การพัฒนาศักยภาพและเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เป็นสิ่งที่จำเป็นและต้องเร่งดำเนินการโดยด่วน รับมือกับปัญหาเศรษฐกิจโลกที่ยังคงมีความไม่แน่นอน กระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะหน่วยงานหลักของภาครัฐ เพื่อการสนับสนุนเอสเอ็มอี
ร่วมมือกับ 6 หน่วยงานพันธมิตร ภาครัฐและเอกชน ประกอบด้วย สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม, สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.), สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, สภาเกษตรกรแห่งชาติ, สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย, และสมาพันธ์ธุรกิจท่องเที่ยวส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย เดินหน้าสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ภายใต้ “โครงการ หนุน SMEs ไทย ก้าวไกลไปด้วยกัน”
ในครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ณ จังหวัดอุดรธานี เพื่อประชุมสร้างเครือข่าย เชื่อมโยงความรู้ และสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในพื้นที่ภาคอีสานเข้าถึงแหล่งเงินทุน อีกทั้ง เปิดรับฟังความคิดเห็น และร่วมวางแนวทางพัฒนาผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เพื่อยกระดับสินค้าและบริการ นำไปสู่การสร้างงาน สร้างรายได้ กระจายสู่ชุมชน ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ช่วยให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน
สำหรับ “โครงการ หนุน SMEsไทย ก้าวไกลไปด้วยกัน” จะเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีครอบคลุมทุกมิติ ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง แต่จะก้าวไกลไปด้วยกัน โดยมอบหมายให้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เป็นแกนกลางหลักเชื่อมโยงบูรณาการความช่วยเหลือจากหน่วยงานพันธมิตรต่างๆ กำหนดจัดต่อเนื่อง 4 ครั้ง ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศ
โดยเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมา จัดเป็นครั้งแรก ในพื้นที่ภาคกลาง ณ อาคารสำนักงานใหญ่ SME D Bank และมีกำหนดจัดอีก 2 ครั้ง ได้แก่ ภาคใต้ จังหวัดสุราษฎร์ธานี และภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่
“ธพว. จะทำหน้าที่เป็นแกนกลางเชื่อมโยงทำงานร่วมกับ 6 หน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน ที่มีสมาชิกรวมกันมากกว่า 100,000 ราย ให้เข้าถึงกระบวนการเติม “ความรู้คู่เงินทุน” เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถพัฒนาเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ผ่านกระบวนการพัฒนาเติมความรู้ คอยช่วยเหลือผู้ประกอบการตลอดเส้นทางธุรกิจ
รวมถึงสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยพิเศษ เช่น “SME D ยกกำลัง 3” ของ SME D Bank และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ เริ่มต้นเพียง 3% ต่อปีนาน 3 ปีแรก และฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกันจาก บสย. 3 ปี ช่วยให้เอสเอ็มอีไทยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันและอยู่รอดได้” นายกอบชัย กล่าว