นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2563 โดยมีวงเงินงบประมาณ 3.2 ล้านล้านบาท เป็นงบประมาณของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ วงเงินรวม 109,113 ล้านบาท จำแนกเป็น 4 กลุ่ม คือ 1) กลุ่มงบประมาณรายจ่ายบุคลากรภาครัฐ 25,536 ล้านบาท 2) กลุ่มงบประมาณรายจ่ายของกระทรวง/หน่วยงาน (Function) 32,667 ล้านบาท 3) กลุ่มงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ (Agenda) 14 แผนงาน กษ. เกี่ยวข้อง รวม 8 แผนงาน วงเงินรวม 42,996 ล้านบาท โดยงบประมาณส่วนใหญ่อยู่ที่แผนงานบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ วงเงิน 41,033 ล้านบาท และ 4) กลุ่มงบประมาณรายจ่ายพื้นที่ (Area) วงเงิน 7,914 ล้านบาท
สำหรับแผนงานบูรณาการพัฒนาและส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งเป็น 1 ใน 14 แผนงานบูรณาการ มีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดย สศก. เป็นเจ้าภาพ มีหน่วยงานที่รับผิดชอบการบูรณาการร่วมกัน 6 กระทรวง 24 หน่วยงาน งบประมาณรวมทั้งสิ้น 3,018 ล้านบาท ประกอบด้วย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 1,631 ล้านบาท กระทรวงมหาดไทย 1,034 ล้านบาท กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม 171 ล้านบาท กระทรวงพาณิชย์ 107 ล้านบาท กระทรวงอุตสาหกรรม 42 ล้านบาท กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 33 ล้านบาท โดยมีหลักการในการดำเนินการ คือ ดูแลและยกระดับประชาชนผู้มีรายได้น้อยให้มีความเข้มแข็ง เพื่อลดปัญหาความยากจนของประชาชน คาดว่าประชาชนที่มีรายได้ ต่ำกว่าเส้นความยากจนจะลดลงไม่น้อยกว่าร้อยละ 10
ด้าน นางสาวทัศนีย์ เมืองแก้ว รองเลขาธิการ สศก. กล่าวเสริมว่า แผนงานบูรณาการพัฒนาและส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก ได้กำหนดแนวทางในการดำเนินงานให้ครอบคลุมตลอดห่วงโซ่อุปทาน ประกอบด้วย
1.พัฒนาศักยภาพประชาชนกลุ่มเป้าหมาย (ต้นทาง) โดย ดำเนินงานให้ประชาชนกลุ่มเป้าหมายเข้าถึงแหล่งทุน และที่ดินทำกินไม่น้อยกว่า 200,000 ราย จัดที่ดินให้แก่เกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดินทั้ง 72 จังหวัด ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากด้วยกองทุนชุมชน เพื่อให้สมาชิกกู้ในอัตราดอกเบี้ยไม่เกินกฎหมายกำหนด เพื่อสร้างอาชีพและรายได้ ลด ปลด หมดหนี้ พร้อมทั้งดำเนินการพัฒนาและส่งเสริมอาชีพไม่น้อยกว่า 500,000 ราย พัฒนาองค์ความรู้ผ่านศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร พัฒนาเกษตรกรปราดเปรื่อง ส่งเสริมและสร้างทักษะอาชีพทั้งในและนอกภาคเกษตร เป็นต้น
2.พัฒนาความเข้มแข็งของกลุ่มและผลิตภัณฑ์ชุมชน (กลางทาง) ประกอบด้วย พัฒนากลุ่มเกษตรกร 1,900 กลุ่ม พัฒนาผู้ประกอบการไม่น้อยกว่า 24,800 ราย ในการผลิตสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ OTOP และ พัฒนาผลิตภัณฑ์ไม่น้อยกว่า 5,900 ผลิตภัณฑ์ โดยส่งเสริมการแปรรูปสินค้าเกษตรในระดับชุมชน และภูมิปัญญาท้องถิ่นมาสร้างสรรค์
3.พัฒนาระบบบริหารจัดการและกลไกการตลาด (ปลายทาง) เพื่อเพิ่มรายได้จากการจำหน่ายสินค้าชุมชนร้อยละ 10 โดยส่งเสริมการพัฒนาระบบตลาดภายในสำหรับสินค้าเกษตร พัฒนาศักยภาพการดำเนินธุรกิจของสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร และธุรกิจชุมชน สร้างศักยภาพผู้ประกอบการค้าส่ง ค้าปลีก การค้าธุรกิจชุมชน ตลาดออนไลน์ พัฒนาระบบประกันภัย และติดตามประเมินผลภายใต้แผนงานบูรณาการพัฒนาและส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก
ทั้งนี้ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เน้นขับเคลื่อนภารกิจโครงการ/แผนงานให้สำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดผลสัมฤทธิ์ ส่งผลให้เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดี รายได้สุทธิทางการเกษตรเพิ่มขึ้น สถาบันเกษตรกรมีความเข้มแข็งมีความสามารถในการดำเนินธุรกิจ สินค้าเกษตรได้รับการยกระดับคุณภาพมาตรฐาน และสร้างมูลค่าเพิ่ม รวมทั้งทรัพยากรการเกษตรมีการบริหารจัดการอย่างเหมาะสม ได้รับการอนุรักษ์ปรับปรุงและฟื้นฟูให้เกิดความสมดุลอย่างยั่งยืน