เพราะนวัตกรรมเป็นสิ่งที่ช่วยยกระดับ SMEs ไทยได้อย่างยั่งยืน และเกิดเป็นธุรกิจที่มีความโดดเด่น ครั้งนี้ขอแนะนำให้รู้จักกับ SMEs ไทย ที่สามารถสร้างนวัตกรรมสุดล้ำค่า จนได้รางวัลการันตีมากมายจากหลายประเทศ
ดร.เดวิด มกรพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่นวัตกรรม บริษัท อาร์ แอนด์ดี รีเสริช์ อินโนเวชั่นแอนด์ซัพพลาย จำกัด เล่าว่า เพราะการสร้างนวัตกรรมสามารถช่วยสร้างความโดดเด่นสินค้าได้ หลังจบปริญญาเอก ด้านธุรกิจเทคโนโลยีและการจัดการนวัตกรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงมุ่งมั่นทำ R&D ให้กับกลุ่มเกษตรกรไทย เพื่อเป็นอีกการยกระดับวัตถุดิบไทยให้มีมูลค่ามากยิ่งขึ้น เนื่องจากประเทศไทยมีวัตถุดิบที่มีคุณภาพดี แต่ส่วนใหญ่จะถูกส่งออกไปต่างประเทศเพื่อทำ R&D แล้วหลังจากนั้นก็จะนำกลับมาขายไทยในราคาที่สูงขึ้นหลายเท่าตัว
ตัวอย่างการพัฒนาสินค้าเกษตรที่ผ่านมา ได้แก่ กระเจี๊ยบเขียวของไทยเรา ซึ่งคนญี่ปุ่นชอบรับประทานมาก เพราะมองเป็นสมุนไพร หลังจากนำมาวิจัยต่อ พบว่าเมล็ด และเมือกของกระเจี๊ยบเขียวสามารถนำมาสกัดเป็นน้ำมันในเครื่องสำอางได้ และใช้ทดแทนการบำรุงผิวได้ดีกว่าน้ำมันสังเคราะห์มาก ส่วนเปลือกและเนื้อของกระเจี๊ยบเขียวยังนำมาสกัดเอาสารกลุ่มฟีโนลิกส์ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิวพรรณ ช่วยให้เม็ดสีผิวกระจ่างใส และสามารถฆ่าเชื้อ ลดการอักเสบได้ โดยสารสกัดเหล่านี้จะอยู่ในผลิตภัณฑ์แบรนด์ Dermadict และ Skin Lab story ในร้านวัตสัน ผลิตภัณฑ์แต่ละชนิดจะมีสรรพคุณต่างกัน เช่น ลดฝ้า ลดสิว บำรุงผิวพรรณ ปัจจุบันแบรนด์ได้ก่อตั้งมากว่า 7 ปีแล้ว ทุกผลิตภัณฑ์ผ่านการรับรองมาตรฐานสากลอย่าง GMP และ HACCP พร้อมการการันตีด้วยรางวัลจากวัตสัน HWB Awards 2019 ประเภทสินค้าเข้าใหม่ที่มีความเป็นนวัตกรรมมากที่สุด
ส่วนใหญ่มักมองว่าการจะสามารถสร้างนวัตกรรมขึ้นมาได้จะต้องเป็นบริษัทใหญ่เท่านั้น แต่บริษัทเล็กก็สามารถทำได้ ด้วยการศึกษา หรือให้หน่วยงานรัฐช่วยสนับสนุน แต่เราก็ต้องมีลำดับกระบวนการคิดที่ชัดเจนด้วย ว่าเราจะทำอะไรเพื่ออะไร เพื่อให้งานไม่สะดุด และสามารถควบคุมต้นทุนได้ ข้อดีของการสร้างนวัตกรรมขึ้นมาเอง คือจะได้สารสกัดที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถควบคุมต้นทุนเพื่อกำหนดโครงสร้างราคาขายปลีกที่เข้าถึงผู้บริโภคได้ทุกกลุ่ม เพราะนวัตกรรมที่ดีต้องเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่าย
นวัตกรรมที่มีคุณค่า ต้องเกิดการยอมรับ บริษัทฯ จึงส่งผลงานเข้าคัดเลือกกับสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เพื่อนำนวัตกรรมที่คิดค้นมามากมายออกไปพิสูจน์ในเวทีโลก หลังจากได้รับการคัดเลือกเป็นตัวแทนของประเทศ ได้นำนวัตกรรมยับยั้งการเจริญของจุลินทรีย์ในน้ำนมดิบด้วยแสงคลื่นสั้น (PASS+) เข้าไปแข่งขันในงาน The International Trade Fair-Ideas, Inventions and New Products (iENA 2018) ประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นนวัตกรรมเครื่องจักร เพื่อช่วยยกระดับอุตสาหกรรมโคนม เพิ่มมูลค่าน้ำนมดิบให้กับฟาร์มโคนมขนาดเล็กและขนาดกลาง ให้วัตถุดิบมีมูลค่าเพิ่มขึ้น และประโยชน์ต่อการแปรรูปผลิตภัณฑ์นมโคไทย จากการเข้าแข่งขันกับ 1,000 ผลงาน ใน 70 ประเทศทั่วโลก คณะกรรมการให้ความสนใจอย่างมาก และได้รับรางวัลเหรียญเงินกลับมา
นอกจากนี้ ยังได้ศึกษาต่อยอดจนพบว่านมโคแรกเกิด (Colostrum) มีศักยภาพสามารถรักษาแผลที่ไหม้ได้ โดยการกรตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง แต่คุณภาพนมโคของไทยในภาพรวมนั้น ยังต่างจากคุณภาพนมโคและนมแรกเกิด ในต่างประเทศ บริษัทจึงออกไปให้ความรู้กับเกษตรกรรายต่างๆ เพื่อแนะนำวิธีการการเลี้ยงโคนมในบ้านเรา ให้ได้เกรดนมโคที่มีคุณภาพสูง
ส่วนสารสกัดกระเจี๊ยบเขียวที่เล่าให้ฟังตอนต้น ก็สามารถคว้ารางวัลเหรียญทองบนเวที Seoul International Invention Fair 2019 (SIIF 2019) ซึ่งเกาหลีใต้ถือเป็นประเทศผู้นำในอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง การได้รับรางวัลกลับมา จึงแสดงให้เห็นว่านักวิจัยไทยมีศักยภาพ ด้านการใช้นวัตกรรมเข้ามาช่วยยกระดับวัตถุดิบทางเกษตรกรของประเทศ และเกิดประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมเครื่องสำอางโลก
สำหรับทิศทางการปรับตัวของ SMEs มองว่าประกอบการไทยมีความโชคดีมากที่มีวัตถุดิบคุณภาพให้เลือกใช้ได้อย่างไม่จำกัด สามารถเข้าถึงง่าย มีระบบโลจิสติกส์ที่ดี ต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านต่างๆ เอื้อต่อการทำธุรกิจ แต่สิ่งที่ต้องมุ่งเน้นมากขึ้นคือการสร้างความแตกต่างของสินค้า เพื่อเกิดความได้เปรียบคู่แข่งขันอยู่ตลอดเวลา ซึ่งความแตกต่างก็ต้องมาพร้อมกับความโดดเด่นของคุณค่าที่ลูกค้าจะได้รับ และเมื่อคุณค่าเด่น อัตลักษณ์สูง ก็จะช่วยให้ SMEs สร้างมาร์เก็ตได้สูง และมีโอกาสเติบโตมากขึ้น ดังนั้น SMEs ต้องรู้เป้าหมายของตัวเองว่าจะเดินไปถึงจุดไหน เพื่อเราจะสามารถนำพาคนในทีมให้เดินไปพร้อมกับเราได้อย่างชัดเจน อย่างเรื่องแบรนดิ้งก็เป็นสิ่งสำคัญมากในธุรกิจนี้ เพราะจะช่วยให้เกิดการยอมรับ และขยายตลาดได้เร็วขึ้น
สามารถหาซื้อได้ที่ร้าน watson ทุกสาขา