รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม สั่งการ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) เร่งมาตรการฟื้นฟูอุตสาหกรรมไทยดีพร้อมทันที 90 วัน ครอบคลุม 4 กลุ่มเป้าหมายหลัก ได้แก่ 1.ผู้ประกอบการและบุคลากรภาคอุตสาหกรรม เสริมองค์ความรู้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน2.ชุมชนและวิสาหกิจชุมชน โดยการพัฒนาชุมชน/วิสาหกิจชุมชนในท้องถิ่นเชื่อมโยงเทคโนโลยีกับการท่องเที่ยว 3. เกษตรกร ธุรกิจเกษตรพัฒนาทักษะการบริหารจัดการอุตสาหกรรมและ 4.ประชาชน แรงงาน และบัณฑิตจบใหม่ ด้วยการปรับเพิ่มสร้างทักษะใหม่ สร้างโอกาสทางอาชีพอิสระสู่การเป็นผู้ประกอบการโดยตั้งเป้าฟื้นฟูผู้ประกอบการกว่า 4,000 กิจการ 11 ชุมชน อบรมคนว่างงานสร้างโอกาสในการประกอบอาชีพกว่า 6,000 คน พร้อมเสริมสร้างทักษะคนตกงาน ว่างงานให้สามารถสร้างธุรกิจใหม่ 400 กิจการเพื่อเป็นหนึ่งปัจจัยในการขับเคลื่อนและกระตุ้นGDP ในกลุ่มอุตสาหกรรมเอสเอ็มอี (SMEs) ของประเทศ
นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่าตามที่ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้แสดงความห่วงใยถึงพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19จึงได้มอบหมายทุกหน่วยงานของกระทรวงอุตสาหกรรมหาแนวทางการฟื้นฟูผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมและประชาชนให้ครอบคลุมทุกภาคส่วนดังนั้น กสอ. จึงเร่งขับเคลื่อนมาตรการช่วยเหลือและฟื้นฟูภาคอุตสาหกรรมตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อช่วยเหลือ 4 กลุ่มเป้าหมาย ภายใต้แนวคิดของการส่งเสริมแบบ“ปรับตัวให้ถูกทางอย่างยั่งยืน” ด้วยการผันงบประมาณจากงบปกติกว่า 150 ล้านบาท เพื่อฟื้นฟูผู้ประกอบการอย่างเร่งด่วนให้ดีพร้อม ภายในระเวลา 90 วัน ได้แก่
1.ผู้ประกอบการและบุคลากรภาคอุตสาหกรรม
โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจไทย ทั้งในด้านการสร้างรายได้ประชาชาติ (GDP) การสร้างการจ้างงาน รวมถึงเป็นกลไกสำคัญของกระบวนการผลิต โดยมุ่งพัฒนาเอสเอ็มอี (SMEs)ให้เกิดการเพิ่มขีดความสามารถ และยกระดับความสามารถในการแข่งขัน รวมทั้งงพัฒนาองค์ความรู้ที่จำเป็นในยุคความปกติแบบใหม่(New Normal) ผ่านกิจกรรมและโครงการ อาทิ การให้คำปรึกษาแนะนำเชิงลึกแก่เอสเอ็มอี (SMEs)สู้วิกฤติโควิด จากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อบริหารจัดการธุรกิจให้เกิดประโยชน์สูงสุดการจัดทำแผนช่วยขับเคลื่อนองค์กรอย่างมีศักยภาพ ทั้งในภาวะวิกฤตและภาวะปกติซึ่งคาดว่าจะสามารถฟื้นฟูผู้ประกอบการกว่า4,000กิจการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 448 ล้านบาท
2.ชุมชนและวิสาหกิจชุมชน
โดยการพัฒนาชุมชน/วิสาหกิจชุมชนในท้องถิ่นด้วยการเชื่อมโยงเทคโนโลยีกับการท่องเที่ยว ส่งเสริมการใช้เครื่องจักรและนวัตกรรม เพื่อเพิ่มศักยภาพการประกอบการให้แก่ชุมชนท้องถิ่นให้ได้มาตรฐานและมีขีดความสามารถในการแข่งขันผ่านการจัดกิจกรรมท่องเที่ยวภายใน 1 วัน (1 Day Trip ) กระตุ้นการท่องเที่ยวในชุมชน การพัฒนาแพลตฟอร์มโลจิสติกส์และการบริหารคลังสินค้า พัฒนาทักษะให้กับวิสาหกิจชุมชนและหาช่องทางในการประกอบกิจการผ่านกิจกรรมจัดทำแผนพัฒนาธุรกิจชุมชน ร่วมกับทีมนักศึกษา เพื่อยกระดับชุมชนให้มีความเข้มแข็ง มีศักยภาพเพิ่มขึ้นและสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน โดยการนำองค์ความรู้ นวัตกรรม ทุนทางวัฒนธรรม มาผนวกกับความคิดสร้างสรรค์ของนักศึกษามาพัฒนาชุมชนซึ่งคาดว่าจะสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้กับวิสาหกิจชุมชนที่ได้รับผลกระทบรุนแรงกว่า11ชุมชนเพิ่มรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์และการท่องเที่ยว เป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 87 ล้านบาท
3.เกษตรกรและธุรกิจเกษตร
ด้วยการพัฒนาทักษะการบริหารจัดการอุตสาหกรรม (Industrialization) ลดความเสี่ยงในการประกอบอาชีพเชิงเดี่ยว ยกระดับชุมชน และสร้างรายได้ในท้องถิ่น ยกระดับเกษตรกรสู่การเป็นเกษตรอุตสาหกรรม รวมทั้งพัฒนาทักษะการค้าออนไลน์ เพื่อเพิ่มโอกาสทางการค้าและสร้างรายได้ให้กับภาคการเกษตร ผ่านกิจกรรมและโครงการ อาทิ การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ใหม่ด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยีสมัยใหม่ การขยายผลงานวิจัยด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ต่อยอดสู่การผลิตสินค้าที่มีมูลค่าสูงในเชิงพาณิชย์ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าเกษตรแปรรูปที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดโดยกำหนดเป้าหมายการพัฒนาธุรกิจเกษตร 100 กิจการ100 ผลิตภัณฑ์คาดว่า
จะสร้างมูลค่าเพิ่มของผลิตภัณฑ์ลดต้นทุนการผลิตของ SMEs ยอดขายและรายได้เพิ่มขึ้นรวมกว่า 78 ล้านบาท
4.ประชาชน แรงงาน และบัณฑิตจบใหม่
เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการลดอัตราการว่างงาน จากการปิดกิจการ การเลิกจ้าง รวมถึงสร้างโอกาสทางอาชีพให้แก่กลุ่มเป้าหมายด้วยการปรับ-เพิ่ม-สร้างทักษะใหม่ (Reskill-Upskill-New Skill) สร้างโอกาสในการประกอบอาชีพอิสระเพื่อเป็นทางเลือกในการทำธุรกิจ รองรับแรงงานที่อพยพกลับท้องถิ่นและชุมชน ลดปัญหาความแออัดของชุมชนเมืองในระยะยาว ผ่านกิจกรรมและโครงการ อาทิการจัดทำองค์ความรู้เรื่องรูปแบบธุรกิจชุมชนที่มีศักยภาพในประกอบการการอบรมออนไลน์(Online)หัวข้อพัฒนาการประกอบการธุรกิจชุมชน พร้อมกันนี้ กสอ. จะเร่งพัฒนาหลักสูตรออนไลน์ และต้นแบบตัวอย่างการประกอบธุรกิจ เพื่อเสริมศักยภาพในทักษะที่อยู่ในความต้องการ ณ ปัจจุบัน อาทิ ช่างอิเล็กทรอนิกส์ ช่างอุตสาหกรรม หรือ ทักษะในเชิงวิชาชีพ โดยจะพัฒนาทักษะการบริการจัดการเพื่อเพิ่มโอกาสสำหรับคนว่างงาน โดยอาศัยความพร้อมในด้านต่างๆ จากท้องถิ่น วิสาหกิจชุมชน ผนวกเข้ากับองค์ความรู้ที่แต่ละคนสำเร็จการศึกษาคาดว่าจะสามารถพัฒนาไปสู่การมีงานทำได้กว่า 6,000 คน และเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า185ล้านบาท
นอกจากนี้สำหรับ “คนว่างงาน” ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 หรือ โควิด-19 ในช่วงที่ผ่าน กสอ. ได้มีการพัฒนาโครงการพิเศษเพื่อสร้างโอกาสเป็นผู้ประกอบการ โดยจัดอบรมออนไลน์การประกอบธุรกิจ การเขียนแบบจำลองธุรกิจออนไลน์ และแผนทดสอบการตลาด ซึ่งกำหนดคนเข้าร่วมไม่ต่ำกว่า 2,500คนและยังคาดว่าไม่ต่ำกว่าร้อยละ 15ของที่เข้าร่วมอบรมซึ่งจะสามารถพัฒนาเป็นผู้ประกอบการยุคใหม่ได้ทันที คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 75 ล้านบาทโดยธุรกิจที่คาดว่าจะสามารถพัฒนาเป็นผู้ประกอบการได้ อาทิยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ หุ่นยนต์ โลจิสติกส์ ดิจิทัล การแพทย์และสาธารณสุข แฟชั่น เกษตรแปรรูป ฯลฯ
อย่างไรก็ดี มาตรการฟื้นฟูจะนำพาภาคอุตสาหกรรมให้ผ่านพ้นภาวะวิกฤต เสริมภูมิคุ้มกันที่จำเป็นเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต โดยคาดว่าจะสามารถสร้างมูลทางเศรษฐกิจกว่า 800 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นหนึ่งในปัจจัยการขับเคลื่อนและกระตุ้น GDP ในกลุ่มเอสเอ็มอีของประเทศภายในระยะ 90 วัน และนอกจากมาตรการเร่งด่วนดังกล่าว กสอ. ยังได้เตรียมนำเสนอมาตรการฟื้นฟูในระยะยาวจาก พรก.เงินกู้ฯ เพื่อเสริมแกร่งให้กับผู้ประกอบการอย่างเต็มความสามารถต่อไป นายณัฐพล กล่าว
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อ “ปั้น ปรุง เปลี่ยน เอสเอ็มอีให้ดีพร้อม (DIProm)” เคียงข้างผู้ประกอบการสู่ความเป็นปกติใหม่ (New Normal) ได้ที่ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม โทรศัพท์ 0 2202 202-4414 ถึง 18 หรือติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ www.facebook.com/dipindustry และwww.dip.go.th