ตามรายละเอียดจากเฟสบุ๊กเพจ ไทยคู่ฟ้า แนะนำให้เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากพิษภัยโควิด-19 ทำให้ขาดแคลนเงินทุนที่จะนำมาใช้จ่ายในครัวเรือนสามารถนำไม้ยืนต้นมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้ได้
โดยทาง กระทรวงพาณิชย์ ได้จับมือร่วมกับ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จัดโครงการและแจ้งให้เกษตรกรผู้ปลูกไม้ยืนต้นในพื้นที่ของตัวเอง สามารถนำไม้ยืนต้นมีค่าที่ได้รับการจดทะเบียนมาใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันขอสินเชื่อตาม พ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ.2558 ได้ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ร่วมกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) รับไม้ยืนต้นเป็นหลักประกันทางธุรกิจแล้ว
โดยในเบื้องต้นทาง ธ.ก.ส. ได้นำร่องให้สินเชื่อแก่เกษตรกรที่มีการนำไม้ยืนต้นที่มีค่าที่ปลูกในบริเวณบ้านจำนวน 44 ต้น ประกอบด้วย
-มะขาม (9 ต้น)
-มะกอกป่า (1 ต้น)
-สะเดา (14 ต้น)
-ตะโก (1 ต้น)
-โมกมัน (1 ต้น)
-งิ้วป่า (1 ต้น)
-กระท้อน (1 ต้น)
-มะเกลือ (2 ต้น) ยอป่า (1 ต้น)
-มะม่วง (1 ต้น)
-ไม้แดง (12 ต้น)
โดยสามารถนำมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการกู้เงินในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรีไปแล้ว ในวงเงินสินเชื่อจำนวน 115,000 บาท
สำหรับคุณสมบัติของเกษตรกรที่ประสงค์จะกู้เงินโดยใช้ไม้ยืนต้นที่มีค่ามาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน มีดังนี้
1.เป็นลูกค้าของ ธ.ก.ส.
2.เป็นสมาชิกธนาคารต้นไม้
โดยเกษตรกรที่สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมโครงการได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ โดยขั้นตอนการกู้เงินเป็นไปตามระเบียบของ ธ.ก.ส.
หรือสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กองทะเบียนหลักประกันทางธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โทร. 02 547 4944 สายด่วน 1570 www.dbd.go.th และ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ทุกสาขาทั่วประเทศ