สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 กลายเป็นบททดสอบสำคัญสำหรับผู้ประกอบการ ในการปรับตัวเรียนรู้วิถีชีวิตใหม่ทั้งด้านการบริหารจัดการธุรกิจ และการเรียนรู้พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อก้าวข้ามวิกฤต สามารถประคองและรักษาธุรกิจให้อยู่รอดพร้อมเดินหน้าเติบโตต่อไปได้
เช่นเดียวกับ “คุณพิริยศาสตร์ ตระการจันทร์” ผู้บริหารและเจ้าของ บริษัท ป.เกรียบกุ้ง อุตสาหกรรม จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายข้าวเกรียบทอด หมอนยางพาราส่งออก ที่ธุรกิจต้องหยุดชะงักจากผลกระทบโรคโควิด-19 ระบาด การฟื้นตัวฟื้นธุรกิจเดิมท่ามกลางวิกฤตเช่นนี้ จึงเป็นไปได้ยากหากโรคยังระบาดไม่หยุด จังหวะนั้นเองได้สังเกตเห็นพฤติกรรมผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลง การดำเนินชีวิตเริ่มก้าวเข้าสู่ยุค “New Normal”
นี่จึงเป็นการเล็งเห็นโอกาสในวิกฤต ตัดสินใจเปลี่ยนขั้วธุรกิจจับมือหุ้นส่วนคนสำคัญ “คุณกรองกมล พูนสวัสดิ์” เปิดฟู้ดเดลิเวอรี่ร้าน “เฮือนเฮา” ซึ่งเดือนแรกสามารถสร้างรายได้เพิ่มยอดขายแตะหลักล้านบาทเลยทีเดียว
“ช่วงแรกๆ ที่เปิดตัว ด้วยความเป็นคนจังหวัดอุบลราชธานี เมนูส่วนใหญ่จึงเลือกนำเสนอเป็นเมนูโซนภาคอีสาน ที่มีความใกล้ตัว เข้าใจรสชาติ รู้แหล่งวัตถุดิบที่มีคุณภาพ เมื่อวางตลาดเปิดรับออเดอร์ ปรากฏว่าลูกค้าให้การต้อนรับ มียอดสั่งออเดอร์เข้ามามากมายต่อเนื่อง จากนั้น จึงค่อยๆ ขยายปรับเพิ่มเมนูเด็ดจากภาคต่างๆ รองรับความต้องการของลูกค้าที่ทยอยสอบถามเข้ามา ปัจจุบัน ‘เฮือนเฮา’ จึงกลายเป็นศูนย์รวมความอร่อยของอาหาร 4 ภาค ไม่ว่าลูกค้าที่อาศัยอยู่ในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ จะเป็นคนภาคไหน ต้องการลองลิ้มชิมรสชาติอาหารภาคใด คลิกมาที่นี่ที่เดียว ครบจบทุกความต้องการ”คุณพิริยศาสตร์ กล่าว
แต่เนื่องจาก ปัจจุบันมีร้านอาหารบริการทางออนไลน์มากมาย ‘เฮือนเฮา’ ร้านอาหารน้องใหม่ จึงสร้างความแตกต่าง มีจุดเด่นที่แข็งแกร่ง วาง Concept ชัดเจน คือ เป็นศูนย์รวมความอร่อยของอาหารทั้ง 4 ภาค รองรับวิถีชีวิตยุค New Normal เปิดให้บริการผ่านระบบออนไลน์เป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็น LINEMEN, GRAB, FOODPANDA เป็นต้น ที่สำคัญยังเป็นศูนย์รวมอาหารวัยเยาว์ที่เติมเต็มความทรงจำดีๆ ซึ่งเมนูที่ได้รับความนิยมชนิดที่ว่าทำขายแทบไม่ทัน นั่นก็คือ..ข้าวแมวสีชมพู หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “ข้าวแมว”
“ข้าวแมวสีชมพู หรือ ข้าวแมว เป็นเมนูท้องถิ่นที่ผู้เฒ่าผู้แก่ปรุงแต่งรังสรรค์ไว้ทานในมื้อง่ายๆ ซึ่งเชื่อว่าสมัยเด็กๆ น้อยคนนักจะพลาดเมนูนี้ โดยในจานข้าวแมวมีวัตถุดิบหลักประกอบด้วย ปลาทูนึ่ง ข้าวหอมมะลิ น้ำยำสูตรโบราณเฮือนเฮา ราดผสมกับผักและเครื่องเคียงต่างๆ เสิร์ฟร้อนๆ แบบพร้อมทานในเข่งปลาทูวางรองด้วยใบตอง นอกจากรสชาตจะอร่อยเป็นเอกลักษณ์แล้ว การออกแบบหน้าตาอาหารยังสื่อให้เห็นถึงการดำเนินชีวิตแบบเรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยวิถีที่ทรงคุณค่าในความทรงจำ” คุณพิริยศาสตร์ อธิบายถึงเมนูยอดฮิต
นอกจากนั้น ‘เฮือนเฮา’ ยังมีเมนูอีกหลากหลายที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน อาทิ ส้มตำ สลัดโรล น้ำพริกปลาทูตาแดง ก๋วยจั๊บอุบลฯ หมูยออุบลฯ ขนมจีนน้ำเงี้ยว กั้งพริกเกลือ เป็นต้น ส่วนเมนูเครื่องดื่ม ได้แก่ น้ำส้มคั้นสด กาแฟสูตรพิเศษ เมล็ดกาแฟคั่วใหม่ทุกวันจากจังหวัดอุบลราชธานี โดยทุกเดือนร้านเฮือนเฮาจะมีซิกเนเจอร์เพื่อสร้างสีสันให้ลูกค้า คือ เมนูคั่วกลิ้ง หรือ เมนูอาหารโอทอปของทั้ง 4 ภาคให้ได้เลือกลิ้มลอง
ส่วนด้านการบริหารจัดการ คุณพิริยศาสตร์ยอมรับว่าเป็นเรื่องท้าทายมาก เพราะโลกธุรกิจในยุคปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว ต้องอาศัยการปรับตัว หมั่นสังเกตสถานการณ์อย่างใกล้ชิด การบริหารจัดการจึงต้องรอบคอบ มีการวางแผนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว รองรับทุกเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น จะเห็นได้จากตัวอย่างสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจล้มเป็นโดมิโน
“เฮือนเฮา บริหารจัดการธุรกิจโดยวิธียืดหยุ่น ซึ่งช่วงนี้ ตั้งเป้าหมายในระยะสั้นเป็นหลัก คือการลดขั้นตอนการทำงาน ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกไป การทำธุรกิจออนไลน์จึงช่วยเซฟจุดนี้ได้มาก ทั้งนี้ ไม่ใช่แค่ต้องการประคับประคองให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้ แต่ยังช่วยให้พนักงานลดความเสี่ยงจากการตกงาน หรือพนักงานบางส่วนที่ตามมาจากโรงงานที่อุบลราชธานี ก็สามารถเพิ่มรายได้อีกช่องทางหนึ่ง ส่วนตัวมองว่าการทำธุรกิจ เจ้าขอธุรกิจจะโตคนเดียวไม่ได้ พนักงานที่เปรียบเหมือนสมาชิกในครอบครัวจะต้องรอดและเติบโตก้าวไปพร้อมๆ กัน” คุณพิริยศาสตร์ เปิดเผย
แม้การบริหารจัดการได้วางแผนเพื่อรองรับสถานการณ์ในปัจจุบันได้อย่างลงตัวแล้ว อย่างไรก็ตาม ไม่ลืมสำหรับการวางแผนในอนาคต ซึ่งหลังจากนี้จะรอดูจังหวะในการขยายธุรกิจเพิ่มสาขา โดยยังคงรูปแบบ Concept เดิม เลือกทำเลเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็น พนักงานออฟฟิศ นักเรียน นักศึกษา เดินทางขนส่งสะดวก รวดเร็ว โดยจะเน้นในซอยสีลม พญาไท เป็นต้น และมองการณ์ไกลหากภายหลังสถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติ วิถีการใช้ชีวิตของคนต้องเปลี่ยนแปลงไปอย่างแน่นอน จึงคิดขยายไลน์ธุรกิจทำอาหารกลางวันรูปแบบเซ็ตพร้อมเครื่องดื่มออกตีตลาด รวมถึงรับจัดเลี้ยง การันตีด้วยความสดใหม่ของวัตถุดิบและรสชาติที่คุ้นชินมีมาตรฐาน
ธุรกิจร้าน ‘เฮือนเฮา’ ก้าวเดินมาถึง ณ จุดนี้ได้ นอกจากความมุมานะสู้ยิบตาไม่ยอมถอยแล้ว ยังได้รับแรงสนับสนุนที่ดีจาก ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เรียกว่าเป็นเพื่อนคอยเคียงข้างตลอดเส้นทางของธุรกิจ ผ่านการ “เติมทุนคู่ความรู้” จากสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในช่วงวิกฤต ธนาคารยังช่วยเสริมความรู้ ผ่านหลักสูตรอบรบการขยายตลาดบนโลกออนไลน์ ไปกับ Thailandpostmart.com ทำให้บริษัทมีช่องทางจำหน่ายสินค้าเพิ่ม เข้าใจและเข้าถึงความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น
“อนาคตของ ‘เฮือนเฮา’ จะไม่หยุดพัฒนาอย่างแน่นอน โดยจะพยายามเฟ้นหาเมนูเด็ด ทั้งเรื่องของรสชาติและการบอกเล่าเรื่องราวอาหารเข้าไปให้มากที่สุด และนอกจากจะขยายสาขาเพิ่ม เฮือนเฮายังตั้งเป้าการเป็นศูนย์กลางการกระจายวัตถุดิบทางการเกษตร หรือครัวกลาง ต่อยอดเป็นแพลตฟอร์มให้กับร้านค้า ร้านอาหาร และโรงแรม เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับประทานวัตถุดิบที่สะอาดปลอดภัย มีประโยชน์ และช่วยกระจายรายได้ให้กับเกษตรกรท้องถิ่น แต่แน่นอนธุรกิจเดิมจะยังคงดำเนินควบคู่กันไป ยุคนี้สมัยนี้ การทำธุรกิจหลายทางถือเป็นทางเลือกที่ดี หากมีโอกาสเพิ่มช่องทางไหนเชื่อได้เลยว่าผมจะไม่พลาดคว้ามาให้ได้” คุณพิริยศาสตร์ กล่าวทิ้งท้าย