จากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้รูปแบบการดำเนินธุรกิจ การซื้อขาย รวมทั้งการส่งต่อข้อมูลต่างๆ รวมไปถึงการติดต่อสื่งสารโดยใช้ช่องทางผ่านโลกออนไลน์มากขึ้น โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายเล็ก ที่ปัจจุบันพบว่าหันมาใช้เทคโนโลยีบนโลกออนไลน์เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน
และจากการใช้เทคโนโลยีบนโลกออนไลน์นี้เอง นำมาซึ่งปัญหาของ CyberCrime หรือที่เรียกกันว่า “ไวรัสเรียกค่าไถ่” ที่พร้อมจะขโมยข้อมูลสำคัญเพื่อนำไปเรียกค่าไถ่ด้วยเงินจำนวนมหาศาล
โดยในช่วงปี 2020 มีข้อมูลสำคัญที่ถูกขโมยเพื่อเรียกค่าไถ่เพิ่มขึ้นถึง 90% ขณะที่การเจาะระบบเพื่อเข้าไปทำลายข้อมูล รวมถึงเข้าไปทำลายระบบเครือข่ายต่างๆ เพิ่มขึ้นถึง 102% ส่วนการเข้าไปเจาะข้อมูลเพื่อเชื่อมต่อไปยังลูกค้าในการโจรกรรมข้อมูลเพิ่มขึ้น 33%
โดย CyberCrime เหล่านี้ มักจะเลือกโจมตีกลุ่มธุรกิจขนาดเล็ก (SME) เนื่องจากเป็นกลุ่มใหม่ที่หันมาเริ่มใช้เทคโนโลยีเพิ่มมากขึ้น และเพราะเพิ่งหันมาเริ่มใช้เทคโนโลยี จึงยังไม่มีการติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัย ทำให้สามารถเจาะเข้าถึงระบบ ข้อมูลและเครือข่ายได้ง่ายกว่าบริษัทใหญ่ที่มีการเตรียมพร้อมระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูง ซึ่งในปีที่ผ่านมามีการโจมตีเฉพาะธุรกิจขนาดเล็กเพิ่มขึ้น 47%
ดังนี้แล้ว ผู้ประกอบการ SME ที่มีการใช้เทคโนโลยีในการทำตลาด จึงต้องใส่ใจในระบบความปลอดภัยอย่างมาก ในปัจจุบันที่ DATA ถือเป็นสิ่งสำคัญของธุรกิจ เหล่า CyberCrime จึงเล็งเป้าหมายไปที่ DATA และระบบเป็นส่วนใหญ่ เพื่อให้ธุรกิจประสบปัญหาในการดำเนินงาน ก่อนจะทำการเรียกค่าไถ่เพื่อให้ระบบทั้งหมด รวมถึง DATA สามารถกลับมาใช้งานได้ตามปกติ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Marketingoops