โอกาสของคนตัวเล็ก

  • ติดต่อเรา
  • เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่อโฆษณา
Responsive image

10 เทคนิคการขาย ที่สามารถใช้ได้กับสินค้าทุกอย่างบนโลกใบนี้

ในทุกธุรกิจย่อมมีการขายแต่การขายของให้ได้นั้นอาจจะไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว แต่ถึงอย่างไรก็ยังมีเทคนิคดีๆ ที่สามารถทำให้เราสามารถปิดการขายได้แบบง่ายๆ วันนี้ ชี้ช่องรวยจึงอยากจะมาแนะนำ 10 เทคนิคการขาย ที่ไม่ว่าจะเป็นุรกิจอะไร สินค้าประเภทไหน ลูกค้ากลุ่มใด ก็สามารถนำเทคนิคนี้ไปใช้ในการขายได้ มาดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง

1.เชื่อมันในสินค้าของตัวเองว่าดีจริง

การจะนำสินค้าหรือบริการอะไรก็ตามมาขายจะต้องคัดสรรค์มาเป็นอย่างดี และสิ่งสำคัญผู้ขายเองจะต้องเชื่อมั่นในตัวสินค้าด้วยว่าดีจริงๆ เพราะหากผู้ขายเองยังรู้สึกว่าสินค้านั้นยังไม่ดีแล้วจะเอาอนเนอร์จากไหนมาเสนอให้กับลูกค้าเชื่อในสินค้าของเรา ฉะนั้นก่อนขายอะไรก็ตาม คุณต้องอินกับมันให้ได้ ทำให้ตัวเองเชื่อก่อนว่ามันดีจริง ๆ แล้วพกความภูมิใจนี้ไปคุยกับลูกค้าซะ

2.มากว่าการพูดให้รู้ คือ การทำให้ดู

เทคนิคนี้อาจไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่การนำเสนอสินค้าด้วยการสาธิตให้ดูมักจะทำให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นมากกว่าการพูดนำเสนอได้ดีกว่า นั่นเป็นเพราะการพิสูจน์ให้ดู มันมีพลังงานมากกว่าคำพูดลอย ๆ และการแสดงออกเป็นภาพยังทำให้คนจำได้ง่ายเสียงหรือตัวอักษร โดยเปรียบเทียบคุณสมบัติของสินค้านั้น กับสิ่งที่ลูกค้าคุ้นเคย

3.พูดความจริง จริงจัง จริงใจ โปร่งใส

“เสื้อตัวนี้ซักแล้วจะหดลงนะ” พูดแบบนี้ให้รู้ค้าทราบตั้งแต่แรกดีว่าให้ลูกค้าซื้อไปแล้วมารู้ทีหลัง ถ้าคุณตอบคำถามลูกค้าอย่างจริงใจ บอกจุดแข็ง-จุดอ่อนของสินค้าอย่างเปิดเผย พร้อมแนะนำวิธีแก้ปัญหาคร่าว ๆ เขาอาจจะซื้อหรือไม่ซื้อ แต่ที่แน่ ๆ คือคุณไม่เสียยี่ห้อ ไม่โดนจดจำในฐานะแม่ค้าจอมหมกเม็ด แถมสมัยนี้โซเชียลมันไปไวมาก ฉะนั้นอย่าโกหก หรือจงใจพูดความจริงไม่ครบ เพราะนั่นเท่ากับทุบหม้อข้าวตัวเอง

4.บอกให้ลูกค้ารู้ให้ว่าสินค้าของเราทำให้ชีวิตเขาดีขึ้น

เชื่อมโยงข้อดีของสินค้า เข้ากับชีวิตของลูกค้า บอกให้เขารู้ว่าของ ๆ เราไม่ใช่แค่ดีแล้วจบ แต่มันทำให้ชีวิตของเขาดีขึ้นได้จริง ๆ ตัวอย่าง รองเท้าคู่นี้เหมาะมากกับการแต่งตัวของลูกค้าใส่แล้วเข้ากันเป็นอย่างดี เป็นต้น

5.เจาะกลุ่มเป้าหมายให้ตรงจุด ไม่หว่านแห

คุณต้องรู้ว่าใครคือคนที่ได้ประโยชน์จากสินค้าหรือบริการของคุณ แล้วทุ่มเทกับกลุ่มนั้นเป็นหลัก อย่าหว่านแห ไม่งั้นถึงคุณสมบัติมันจะเลิศแค่ไหน ราคาถูกยังไง คนฟังก็คงแค่พยักหน้าแล้วก็จากไป เสียเวลาทั้งสองฝ่าย ในเมื่อมันไม่ใช่ของที่แก้ปัญหาชีวิตเขาได้ตั้งแต่แรกแล้ว

6.ให้เกียรติลูกค้าทุกคน แม้คนที่ยังไม่ได้ซื้อก็ตาม

พูดจาดี ยิ้มแย้ม เรื่องนี้ใครๆ ก็รู้ แต่พอถึงเวลาจริงๆ ก็ไม่ได้ทำแบบนั้นกับยฃลูกค้าทุกคน บางร้านก็จะทำแต่กับลูกค้าประจำ บางร้านลูกค้าคนไหนถามแล้วไม่ซื้ออาจชักสีหน้าใส่ก็มี ฉะนั้นการพูดจาดี ยิ้มแย้ม ตลอดเวลาจะช่วยเพิ่มโอกาสที่ลูกค้าจะเข้าหามากกว่าเลือกปฎิบัติอย่างแน่นอน

7.ไม่กดดันลูกค้าเกินไป ให้เวลาตัดสินใจ

ของบางอย่างลูกค้าอาจต้องการเวลาคิด หรือเปรียบเทียบก่อนซื้อ ในฐานะคนขายควรแสดงความใจกว้าง ให้เวลาลูกค้าได้ตัดสินใจ และให้ข้อมูลที่เพียงพอ อย่าเร่งรัดจนอีกฝ่ายรู้สึกอึดอัด หลังจากเวลาผ่านไปสักพัก ถ้าลูกค้ายังเงียบอยู่ ก็อาจจะทักไปถามว่ายังสนใจอยู่หรือไม่ ติดปัญหาอะไรรึเปล่า มีอะไรที่เราจะช่วยได้บ้าง

8.รับฟังคำติชมจากใจจริง และพร้อมที่จะปรับ

เจ้าของแบรนด์บางคน หลงรักสินค้าของตัวเองสุดหัวใจ ชนิดที่ว่าใครมาวิจารณ์ต้องโดนโกรธทุกที แบบนี้เท่ากับปิดโอกาสพัฒนาไปเรียบร้อยแล้ว เปลี่ยนซะใหม่ รับฟังลูกค้าด้วยใจเป็นกลาง ใจร่ม ๆ เข้าใจ อะไรไม่ดีจะได้เอาไปปรับปรุง ลองรักลูกค้าดูบ้าง อย่ารักแต่สินค้า

9.ปรับเปลี่ยนจากการถูกปฏิเสธ

คนขายของ โดนปฏิเสธเป็นเรื่องปกติ แต่ต้องไม่ลืมสังเกตด้วยว่าคนที่ปฏิเสธนั้นมีเหตุผลอะไร ถูกปฏิเสธบ่อยแค่ไหน คนกลุ่มไหนที่มักปฏิเสธ เก็บข้อมูลไว้ครับ ถ้าเราตั้งใจฟังมากพอ จับแพทเทิร์นได้ เราอาจจะเจอจุดอ่อนที่เราคิดไม่ถึง

10.ความสมบูรณ์แบบไม่มีอยู่จริง พัฒนาอยู่เสมอ

อย่าพอใจกับสิ่งที่มีนานเกินไป ถึงตอนนี้ของคุณจะขายดี ก็ไม่ได้แปลว่ามันจะดีกว่านี้ไม่ได้ และไม่ได้แปลว่าอนาคตมันจะดีไปตลอด การทำธุรกิจ ตองมองหาลู่ทางพัฒนาตลอดเวลา ถามตัวเองซ้ำๆ ว่า “เราจะทำให้ดีขึ้นได้ยังไง” ไม่ว่าจะเป็นระดับสร้างสินค้าใหม่ แพ็กเกจใหม่ หรือต่อยอดอย่างไร การไม่หยุดพัฒนาอย่างน้อยก็จะทำให้เราเหนือกว่าคู่แข่ง