โอกาสของคนตัวเล็ก

  • ติดต่อเรา
  • เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่อโฆษณา
Responsive image

ช่อลดาคอฟฟี่ แฟรนไชส์หมื่นนิดๆ กับกลยุทธ์การเติบโตตลอด 15 ปี

ใครทำร้านชา-กาแฟอยู่ แล้วอยากให้ธุรกิจอยู่รอยอย่างยั่งยืนไปนานๆ พาไปดูอีกแนวคิดของ ช่อลดาคอฟฟี่ กาแฟแบรนด์แรกๆ ที่ทำธุรกิจรูปแบบแฟรนไชส์ในบ้านเรา จนปัจจุบันเติบโตต่อเนื่องกว่า 1,000 สาขา กับประสบการณ์ยาวนานกว่า 15 ปี

 


คุณอดุลย์ วงษ์เจียม ผู้บริหาร ช่อลดาคอฟฟี่ เล่าว่า ร้านช่อลดาคอฟฟี่ทำธุรกิจมากว่า 15 ปีแล้ว จากร้านกาแฟเล็กๆ ข้างทาง สาขาแรกที่ใช้เงินทุนไม่ถึงหมื่นบาท แล้วค่อยสั่งสมประสบการณ์เรื่อยมาจนปัจจุบันขยายสาขาไปมากกว่า 1,000 แห่ง โดยชื่อช่อลดามาจาก ‘ช่อลดา แสงอรุณรักษ์’ ซึ่งเป็นชื่อของภรรยา การเติบโตอย่างต่อเนื่องมองว่ามาจากการตั้งราคาแฟรนไชส์ ที่เข้าถึงง่ายในราคาเริ่มต้นเพียง 13,900 บาท ที่มากับวัตถุดิบและอุปกรณ์ที่พร้อมเปิดร้านได้ทันที สามารถสั่งเมล็ดกาแฟในครั้งต่อๆไปได้ในราคาประหยัด ทำให้ผู้ลงทุนรับรู้ได้ถึงความคุ้มค่า และงานบริการหลังการขายมากมาย เช่น เมื่อเครื่องเสียทางแบรนด์ก็จะส่งเครื่องสำรองไปให้ ไปจนถึงการให้แฟรนไชส์ซีลงทุนกับช่อลดาด้วยความยืดหยุ่น โดยไม่ไปกำหนดเป้ายอดขาย ไม่เก็บส่วนแบ่งใดๆ ส่วนใครที่อยากมาลงทุนเพื่อซื้อวัตถุดิบ-อุปกรณ์ และ How to ต่างๆ เพื่อไปปั้นแบรนด์เป็นของตัวเอง ก็สามารถทำได้ โดยสิ่งที่แฟรนไชส์ซีจะต้องสั่งกับแบรนด์ก็จะมีเพียงแพคเกจจิ้ง และวัตถุดิบหลักๆ เท่านั้น

 



แม้ปัจจุบันธุรกิจกาแฟจะแข่งขันกันสูงมาก ทั้งเทรนด์การใช้บริการร้านชา-กาแฟ ในทุกวันนี้ ผู้คนต่างให้ความสำคัญกับการตกแต่งร้าน แบรนด์ดิ้ง และเครื่องชงรูปแบบใหม่ๆ แต่ด้วยบริโภคกาแฟได้ขยายฐานกลุ่มอายุที่กว้างขึ้น โดยนิยมดื่มกาแฟตั้งแต่อายุยังน้อย บวกกับจุดแข็งของช่อลดาคอฟฟี่ที่สามารถครองใจผู้บริโภคมาได้ยาวนาน จึงมุ่งเน้นไปที่เรื่องราคาแพ็คเกจการลงทุนที่คุ้มค่า และการคัดสรรค์วัตถุดิบคุณภาพดีจากแหล่งเพาะปลูกขึ้นชื่อในประเทศไทย เช่น เมล็ดกาแฟจากน่านและชุมพร ส่วนใบชาจะส่งตรงจากเชียงราย ทำให้ได้รสชาติดี บวกกับการชงที่เน้นความเข้มข้น กลมกล่อม เมล็ดกาแฟคั่วสดใหม่ จึงมีลูกค้าขาประจำคอยแวะเวียนมาซื้อซ้ำจำนวนมาก มีเมนูขายดีคือกาแฟและชาเขียว ส่วนฐานลูกค้าแฟรนไชส์ซีกลุ่มหลัก ก็จะเป็นกลุ่มที่ต้องการหารายได้เสริมจากงานประจำ รวมถึงกลุ่ม First Jobber ที่ต้องการลงทุนน้อย แต่คืนทุนไว

 


ซึ่งโดยเฉลี่ยจะมีลูกค้าเข้ามาขอซื้อแฟรนไชส์ไม่ต่ำกว่า 50 รายต่อเดือน หรือกว่า 600 รายต่อปี แต่ด้วยความต้องการที่หลากหลายของคนยุคปัจจุบัน ที่ต่างชอบความสะดวกรวดเร็วทันใจในการสั่งซื้อวัตถุดิบ แบรนด์จึงไม่ได้นับรวมผู้ที่ซื้อแฟรนไชส์ไปแล้วแต่ไม่ได้สั่งวัตถุดิบกับช่อลดาคอฟฟี่อย่างต่อเนื่อง เป็นแฟรนไชส์ซีของช่อลดา เพราะไม่สามารถควบคุมเรื่องคุณภาพ และมาตรฐานที่เป็นไปในทิศทางเดียวกันได้ โดยเฉลี่ยแล้วลูกค้ากลุ่มนี้จะหายไปปีละ 20-30% แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ บริษัทก็ยังคงอัตราการเติบโตตลอดระยะเวลาการทำธุรกิจในทุกปี อย่างปี 2563 ที่ผ่านมาก็สามารถทำผลประกอบการได้ไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท

 


‘ตลอดระยะเวลาการทำธุรกิจมา 15 ปี เรามองว่าเราโชคดีที่ทำมาก่อนแบรนด์อื่น ทำให้มีฐานลูกค้า และมีสาขาอยู่ทั่วประเทศ แม้ว่าแฟรนไชส์ซีเราจะเปลี่ยนไปหาเจ้าอื่นบ้าง แต่ก็ยังมียอดขายวัตถุดิบเยอะมาก ทั้งลูกค้าแฟรนไชส์ซีของเราเอง และลูกค้าจากร้านกาแฟอื่นๆ ซึ่งมันเกิดจากการบอกปากต่อปากว่าเมล็ดกาแฟของช่อลดามีราคาไม่แพง และรสชาติอร่อย นั่นเพราะกาแฟของเราก็ล้วนมีที่มาเดียวกันจากแบรนด์ใหญ่ๆ ที่ขายกันตามปั้มน้ำมันนั่นเอง’

 


สำหรับคนที่ต้องการมีร้านกาแฟรูปแบบแฟรนไชส์ร้านเล็กๆ เป็นของตัวเอง นอกจากการมองหาแฟรนไชส์ซอว์ที่ได้มาตรฐาน มีระบบบริหารจัดการที่ดีแล้ว ควรต้องมีเงินทุนสำรองเพื่อเก็บไว้เป็นทุนเหมุนเวียนด้วย เนื่องจากในช่วง 3 เดือนแรก จะเป็นช่วงที่ต้องสร้างฐานลูกค้า ก็อาจทำให้รายได้ยังไม่แน่นอน ส่วนค่าเช่าที่ไม่ควรเช่าเกิน 5,000 บาท นอกจากนี้ ยังต้องมองถึงระบบการบริหารทั้งออฟไลน์ออนไลน์ และฟู้ดเดลิเวอรี่เพื่อต่อยอดโอกาสด้วย ซึ่งช่อลดาคอฟฟี่ ก็ได้เตรียมสิ่งเหล่านี้ไว้ช่วยผลักดันให้แฟรนไชส์ซีเติบโตร่วมกันรอบด้าน

 



ซึ่งแฟรนไชส์ ช่อลดาคอฟฟี่ จะมีสัดส่วนกำไรต่อแก้วอยู่ที่ 50% ขึ้นไป เช่น หากลงทุนแฟรนไชส์ไซส์เล็กราคา 13,900 บาท เจ้าของขายเองโดยไม่มีค่าพนักงาน มีค่าเช่าที่ถูก หรือเป็นทำเลของตัวเองอยู่แล้ว และขายเพียงแก้วละ 30 บาท มียอดขายขั้นต่ำวันละ 500 บาท ก็จะใช้เวลาคืนทุนเพียง 2 เดือนเท่านั้น แต่ทั้งนี้แฟรนไชส์ซีก็สามารถปรับราคาขายปลีกต่อแก้วได้เองตามความเหมาะสม โดยวิเคราะห์จากเรื่องทำเล และค่าเช่าพื้นที่มาประกอบกัน พร้อมการฝึกอบรมทั้งช่องทางออนไลน์-ออฟไลน์ เรื่องการบริหารจัดการร้าน การใช้เครื่อง และการชงเครื่องดื่มมากกว่า 40 เมนู การันตีคุณภาพด้วยการผ่านมาตรฐานคุณภาพแฟรนไชส์ ปี 2018 จากกระทรวงพาณิชย์ (Thailand Franchise Stardard Award 2018)

‘ด้วยปัจจุบันต่างมีวิกฤติมากมายเข้ามาหาเราได้ทุกเมื่อโดยไม่ทันตั้งตัว ใครที่อยากมีอาชีพเสริมที่ 2 นอกจากงานประจำก็อยากให้ค้นหาตัวเองให้เจอว่าชอบอะไร แต่ถ้าชอบกาแฟก็มาหาเราได้ นอกจากนี้เรายังมีแฟรนไชส์ขนมโตเกียว, วาฟเฟิล และซาลาเปาอีกด้วย เพราะในอนาคตอาชีพเหล่านี้อาจจะกลายเป็นอาชีพหลักที่สร้างความมั่นคงให้คุณก็ได้ ’

 

แฟรนไชส์ราคา 13,900 บาท

 

แฟรนไชส์ราคา 28,900 บาท


Tips: สำหรับแฟรนไชส์ช่อลดาคอฟฟี่ ปัจจุบันมีหลายไซส์หลายขนาดตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักแสน แต่ที่เราจะขอแนะนำให้กับผู้ที่มีเงินทุนไม่สูงมาก คือ แฟรนไชส์ราคา 13,900 บาท และ 28,900 บาท โดยจะได้เครื่องชงกาแฟ, เครื่องบดกาแฟ พร้อมรับวัตถุดิบ อุปกรณ์อีกกว่า 65 รายการ (ยกเว้นคีออส) ซึ่งแฟรนไชส์ทั้ง 2 ชุดนี้จะต่างกันตรงที่ ราคา 13,900 บาท สามารถทำเครื่องดื่มได้ในแก้วไซส์ 16 ออนซ์เท่านั้น ส่วนแฟรนไชส์ราคา 28,900 บาท จะสามารถทำเครื่องดื่มได้ทั้งแก้วไซส์ 16 ออนซ์ และ 22 ออนซ์

รายละเอียดเพิ่มเติม

https://www.facebook.com/raicholada

โทร 087 122 2811