พาไปรู้จักกับแฟรนไชส์อาหารลงทุนน้อย ทำง่าย ขายง่าย เข้าถึงผู้บริโภคทุกเพศทุกวัย อย่างโลโซโตเกียว ที่สามารถทำกำไรได้สูงถึง 60% ผ่านมุมมองการทำธุรกิจมายาวนานถึง 10 ปี ซึ่งปัจจัยความสำเร็จคือการทำธุรกิจแบบ Win Win ตั้งแต่ต้นน้ำสู่ปลายน้ำ

คุณมานะ ฮาดสุวรรณ เจ้าของธุรกิจ โลโซโตเกียว เล่าว่า ปัจจุบันตนเองทำอาชีพขายโตเกียวมามากกว่า 10 ปี และขยายธุรกิจไปแล้วกว่า 300 สาขา คำว่า โลโซโตเกียว มาจากความคิดที่ต้องการสะท้อนถึงกลุ่มลูกค้าระดับรากหญ้า ให้ทุกคนเข้าถึงแบรนด์ง่ายขึ้น ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้ออาหารสตรีทฟู้ดสูง เรามีราคาขายปลีกตั้งแต่ชิ้นละ 3 บาท ถึง 200 บาท และเรามองกลุ่มผู้ซื้อแฟรนไชส์ของเราเป็นกลุ่มหาเช้ากินค่ำ ที่ไม่มีเงินทุนมาก แต่อยากมีรายได้เสริมจากอาชีพอิสระที่ทำได้ง่าย

 

การเริมต้นธุรกิจเกิดจากในอดีตตนเองทำอาชีพค้าขายเป็นคนหาเช้ากินค่ำเช่นเดียวกันกับหลาย ๆ คน บางเดือนรายได้ไม่พอกับภาระค่าใช้จ่าย ต้องพยายามหาทางต่อสู้ดิ้นรน เพราะไม่มีเงินแม้แต่บาทเดียว จึงตัดสินใจไปกู้ยืมเงินนอกระบบมา 1,000 บาท เพื่อนำไปลงทุนซื้อเตาขนมโตเกียวมือสองในราคา 700 บาท และไปซื้อวัตถุดิบมาอีก 250 บาท เพื่อทำขนมโตเกียวขาย เพราะก่อนหน้านั้นได้สูตรทำแป้งรสเด็ดมาจากเพื่อน วันแรกขายได้กว่า 700 บาท ต่อมาไม่นานก็สามารถสร้างรายได้หลักแสนต่อเดือน เลยยึดทำอาชีพนี้มาตลอด เพราะมองว่าเป็นธุรกิจที่ทำได้ง่าย เข้าถึงลูกค้ากลุ่มคนทั่วไปได้ดี และจากประสบการณ์เคยเป็นพ่อครัวมาก่อน จึงค่อย ๆ ปรับสูตรแป้งเรื่อยมาจนได้แป้งที่มามาตรฐาน รสชาติคงที่

โลโซโตเกียว มีจุดขายที่แตกต่างคือ เด็ดที่แป้ง เด่นที่ไส้ ใส่ใจทุกรายละเอียด ตามสโลแกนของแบรนด์ โดยแป้งเมื่อกินเข้าไปแล้วจะให้ความนุ่ม ไม่เหนียว ไม่แข็ง ส่วนไส้ก็มีให้เลือกได้กว่า 30 เมนู มีเมนูขายดี ได้แก่ เบอร์เกอร์ไก่ ไก่สไปซี่ ไก่เทอริยากิ กุ้งเทมปุระ นอกจากนี้ โลโซโตเกียวยังเป็นเจ้าแรกที่พัฒนาสูตรแป้งโตเกียวรสชาไทย ที่ยังคงรสชาติของชาไทยไว้อยู่ โดยใช้ชาอู่หลงสายพันธุ์ดีมาเป็นวัตถุดิบหลัก และยังมีแป้งมันม่วงโอกินาว่าที่นำเข้าจากญี่ปุ่นอีกด้วย

สำหรับการลงทุนแฟรนไชส์ไซส์มาตรฐานจะอยู่ที่ราคา 30,000 บาท ลูกค้าจะได้รับอุปกรณ์ครบเซ็ต สามารถเปิดร้านขายได้ทันที พร้อมคอร์สการสอนเทคนิคการขาย สูตรทำไส้ สูตรซอสรูปแบบต่างๆ สอนจนทำได้ ซึ่งสิ่งที่จะต้องสั่งจากแบรนด์ไปก็จะมีแป้งโตเกียวเพียงเท่านั้น ส่วนวัตถุดิบอย่างอื่นก็สามารถเลือกซื้อหาตามตลาดใกล้บ้านได้ เนื่องจากเราต้องการช่วยลดต้นทุนให้กับแฟรนไชส์ซี เรามองแล้วว่าก่อนฐานธุรกิจแฟรนไชส์จะมั่งคง เข้มแข็ง แฟรนไชส์ซีต้องอยู่ได้ก่อน โดยต้นทุน-กำไรของแฟรนไชส์ซี จะแบ่งออกเป็นต้นทุนแต่ละวัน 40% ส่วนที่เหลือ 60% ขึ้นไปจะเป็นกำไร เพราะการขายขนมโตเกียวจะไม่มีต้นทุนสะสมมาก แต่ก็ขึ้นอยู่กับทำเลด้วย ซึ่งถ้าทำเลไม่ได้ถึงขั้นแย่หนัก จากสถิติก็จะใช้ระยะเวลาคืนทุนไม่เกิน 2 เดือน

ในปัจจุบันแม้การเริ่มต้นธุรกิจจะทำได้ไม่ยาก แค่มีความชอบและมีเงินทุน ก็สามารถเริ่มต้นกิจการได้แล้ว แต่การจะนำพาธุรกิจให้ประสบความสำเร็จก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะนอกจากจะต้องมีความอดทน มีใจรัก ความซื่อสัตย์ต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง และต้องขยัน อดออม ห้ามลดทอนคุณภาพของวัตถุดิบเพื่อหวังกำไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ต้องคิดเสมอว่าลูกค้าก็คือตัวเรา เราขายให้เรากินเอง หากเราได้กินของไม่มีคุณภาพเราก็จะไม่กินอีก ลูกค้าก็เช่นกัน หากทำของคุณภาพ มีความสะอาด มีบริการที่ดี ลูกค้าย่อมกลับมาซื้อซ้ำ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้โลโซโตเกียว เติบโตมาตลอดระยะเวลา 10 ปี

สำหรับคนที่อยากจะเริ่มต้นทำธุรกิจเป็นของตัวเอง ต้องถามตัวเองก่อนว่ารักในอาชีพนั้นหรือไม่ อย่าทำอะไรเพราะเป็นกระแส ให้ทำมาจากใจ แล้วผลกำไรก็จะตามมาเอง มีเงินทุนมากเงินทุนน้อยไม่ต้องกังวล อย่างตัวผมเองก็เริ่มธุรกิจโลโซโตเกียวด้วยเงิน 1,000 บาท

ส่วนใครที่อยากเริ่มต้นธุรกิจ แต่ยังไม่มีเงินทุน หรือใครที่กำลังมองหาแหล่งเงินทุน ตอนนี้ทางธนาคารออมสิน ก็เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง มาเริ่มต้นธุรกิจกับแบรนด์โลโซโตเกียวได้ โดยสามารถติดต่อขอ “สินเชื่อ สร้างงาน สร้างอาชีพ” ได้ที่ธนาคารออมสินทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ สแกน QR CODE เพื่อลงทะเบียนขอสินเชื่อ พร้อมรับโปรโมชั่นสุดพิเศษ ที่ให้วงเงินกู้สูงสุด 100,000 บาท โดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์หรือบุคคลค้ำประกัน ต้องขอขอบคุณ ธนาคารออมสิน ที่สนับสนุนให้คนไทยมีอาชีพ มีรายได้