ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ประกาศ 7 มาตรการช่วยเหลือลูกค้าธนาคารที่ได้รับผลกระทบจากเหตุระเบิด-เพลิงไหม้โรงงานผลิตเม็ดโฟมพลาสติก ซอยกิ่งแก้ว 21 จ.สมุทรปราการ ทั้งพักหนี้ ลดดอกเบี้ย ให้กู้ซ่อม และจ่ายค่าสินไหม
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ระเบิดและเพลิงไหม้ในโรงงานผลิตเม็ดโฟมพลาสติก ซอยกิ่งแก้ว 21 ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ (5 กรกฎาคม 2564) ส่งผลให้ที่อยู่อาศัยบริเวณใกล้เคียงเกิดความเสียหายและยังอาจส่งผลกระทบต่อการประกอบอาชีพหรือรายได้ของประชาชน
ธอส. ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ จึงได้จัดทำ “มาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากเหตุระเบิด-เพลิงไหม้ โรงงานย่านกิ่งแก้ว” สำหรับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบด้านอยู่อาศัยหรือผลกระทบด้านรายได้จากเหตุการณ์ในพื้นที่ดังกล่าว ภายใต้กรอบวงเงินรวมของโครงการ 500 ล้านบาท ผ่าน 7 มาตรการเร่งด่วน โดยพิจารณาตามระดับความเสียหาย ซึ่งมีรายละเอียดประกอบด้วย
มาตรการที่ 1 สำหรับลูกค้าเดิมของ ธอส. ที่หลักประกัน (ที่อยู่อาศัยที่จดจำนองกับธนาคาร)หรือรายได้จากการประกอบอาชีพได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว สามารถขอลดอัตราดอกเบี้ยเหลือ 0.01% ต่อปี เป็นระยะเวลา 1 ปี และเมื่อผ่อนชำระครบแล้วให้กลับไปใช้อัตราดอกเบี้ยตามสิทธิ์เดิมของลูกค้าก่อนใช้มาตรการ
มาตรการที่ 2 สำหรับลูกค้าใหม่ หรือลูกค้าเดิมของ ธอส. หากที่อยู่อาศัยได้รับความเสียหายและต้องการซ่อมแซม สามารถขอกู้เพิ่ม หรือกู้ใหม่ เพื่อซ่อมแซมอาคารที่ได้รับความเสียหายหรือปลูกสร้างอาคารทดแทนอาคารเดิมที่ได้รับความเสียหาย คิดอัตราดอกเบี้ยปีที่ 1 เท่ากับ 1% ต่อปี ปีที่ 2-3 เท่ากับ 3% ต่อปี และปีที่ 4 เป็นต้นไป กรณีลูกค้าสวัสดิการคิดอัตราดอกเบี้ย MRR-1.00% ต่อปี และลูกค้ารายย่อย คิดอัตราดอกเบี้ย MRR-0.50% ต่อปี
มาตรการที่ 3 ลูกหนี้ที่ค้างชำระเงินงวดติดต่อกันมากกว่า 3 เดือน หรือมีสถานะอยู่ระหว่างการประนอมหนี้ที่หลักประกันได้รับความเสียหาย ให้ประนอมหนี้ระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี โดยได้รับอัตราดอกเบี้ย 0% ในช่วง 4 เดือนแรก และไม่ต้องชำระเงินงวดนาน 4 เดือน เดือนที่ 5-12 อัตราดอกเบี้ย 1% ต่อปี โดยให้ผ่อนชำระเงินงวดไม่น้อยกว่าดอกเบี้ยรายเดือน บวกเพิ่มอีก 100 บาท และเมื่อครบระยะเวลาประนอมหนี้ให้ลูกค้ากลับมาใช้อัตราดอกเบี้ยตามสิทธิ์เดิมก่อนใช้มาตรการ
มาตรการที่ 4 ลูกหนี้ที่ค้างชำระเงินงวดติดต่อกันมากกว่า 3 เดือน หรือมีสถานะอยู่ระหว่างการประนอมหนี้ ที่ได้รับผลกระทบด้านรายได้ให้ประนอมหนี้เป็นระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี อัตราดอกเบี้ย เท่ากับ 1% ต่อปี โดยให้ผ่อนชำระเงินงวดไม่น้อยกว่าดอกเบี้ยรายเดือน บวกเพิ่มอีก 100 บาท และเมื่อครบระยะเวลาประนอมหนี้ ให้ลูกค้ากลับมาใช้อัตราดอกเบี้ยตามสิทธิ์เดิมก่อนใช้มาตรการ
มาตรการที่ 5 ลูกหนี้ที่ค้างชำระเงินงวดติดต่อกันมากกว่า 3 เดือน หรือมีสถานะอยู่ระหว่างการประนอมหนี้ที่เสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวร ให้ผ่อนชำระโดยใช้อัตราดอกเบี้ย 0.01% ต่อปี ตลอดระยะเวลาที่คงเหลือตามสัญญากู้
มาตรการที่ 6 ลูกหนี้ที่ค้างชำระเงินงวดมากกว่า 3 เดือนติดต่อกัน หรือมีสถานะอยู่ระหว่างการประนอมหนี้กรณีที่อยู่อาศัยได้รับความเสียหายทั้งหลังและไม่สามารถซ่อมแซมได้ ให้ปลอดหนี้ในส่วนของราคาอาคาร และให้ผ่อนชำระต่อเฉพาะในส่วนของที่ดินที่คงเหลือเท่านั้น
มาตรการที่ 7 ลูกค้าที่หลักประกันได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อาทิ กระจกแตก เกิดรอยร้าวตามตัวอาคาร หรืออื่น ๆ สามารถแจ้งเคลมความเสียหายได้ โดยพิจารณาจ่ายค่าสินไหมให้ตามมูลค่าของความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงแต่ไม่เกินทุนประกันอาคาร
สามารถติดต่อมาที่ส่วนธุรกรรมประกันภัย ธอส. โทร. 0-2202-1385 ถึง 89 หรือ บริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด(มหาชน) โทร. 0-2631-1311 ต่อ 5312, 5340 พร้อมแจ้งชื่อ-นามสกุล เลขที่บัญชีเงินกู้ และเบอร์โทรศัพท์ติดต่อ หลังจากนั้นบริษัทประกันภัยจะติดต่อนัดหมายกับลูกค้าเพื่อเข้าสำรวจความเสียหายและพิจารณาจ่ายค่าสินไหมให้แก่ลูกค้าเพื่อบรรเทาผลกระทบโดยเร็วต่อไป
ทั้งนี้ ลูกค้าที่ประสงค์เข้าร่วมมาตรการสามารถติดต่อได้ที่สาขาของ ธอส. ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ถึงภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2564 หรือภายใต้กรอบวงเงินที่ธนาคารกำหนด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศหรือศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์(Call Center) โทร 0-2645-9000 หรือ www.ghbank.co.th และ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์
ขอบคุณภาพมุมสูงจาก : สมาคมตอบโต้ภัยพิบัติ ประเทศไทย D.R.A.T