โอกาสของคนตัวเล็ก

  • ติดต่อเรา
  • เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่อโฆษณา
Responsive image

มารุวาฟเฟิล แฟรนไชส์ขนมหวานสไตล์ฮ่องกง ลงทุนหลักหมื่น คืนทุนภายใน 3 เดือน

ใครกำลังมองหาธุรกิจอาหารที่ทำง่าย แต่มีเอกลักษณ์โดดเด่นน่าสนใจ ขอแนะนำให้รู้จักกับธุรกิจขนมวาฟเฟิลฮ่องกง แบรนด์มารุวาฟเฟิล เมนูขนมหวานที่กำลังเป็นที่นิยมในกลุ่มคนรุ่นใหม่ กับการพัฒนาแฟรนไชส์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้แนวคิดทุกอย่างต้องบริหารจัดการง่าย

 


คุณแบงค์ ผดุงศักดิ์ รุ่งเรืองระยับกุล เจ้าของธุรกิจ มารุวาฟเฟิล (Maru Waffle) เล่าว่า ปัจจุบันมารุวาฟเฟิลทำธุรกิจมาแล้วกว่า 4 ปี กับสาขาทั้งสิ้น 130 แห่ง แบ่งเป็นแฟรนไชส์ซี 80% และอีก 20% เป็นของตนเอง โดยเริ่มขายแฟรนไชส์ได้ไม่ถึง 2 ปี เนื่องจากมีพนักงานที่ร้านมาขอซื้อแฟรนไชส์ ต่อมาก็มีญาติ ๆ และลูกค้าที่ได้ลองชิม ก็เข้ามาขอซื้อแฟรนไชส์เรื่อยมา ซึ่งสาขาแฟรนไชส์ซีแทบทั้งหมดจะเริ่มจากการเป็นลูกค้ามาก่อน ไม่ได้เป็นกลุ่มนักลงทุนโดยเฉพาะ และในปีนี้สามารถทำยอดขายแป้งได้มากกว่า 20 ล้านบาท


จุดเริ่มต้นธุรกิจนี้เกิดจากการเดินทางไปฮ่องกง และได้มีโอกาสไปทานขนมวาฟเฟิลสไตล์ฮ่องกง จึงมองว่าสินค้ารูปแบบนี้น่าสนใจ แต่ด้วยข้อจำกัดในเรื่องของสูตรขนมที่ทำค่อนข้างยาก จึงมีคนที่ทำธุรกิจวาฟเฟิลฮ่องกงไม่เยอะ ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้จัก เมื่อเห็นโอกาส บวกกับมีประสบการณ์ในธุรกิจอาหารอยู่แล้ว เช่น ธุรกิจเฉาก๊วย ธุรกิจรับจัดงานเลี้ยง และธุรกิจอื่นที่มีสาขาอยู่ในห้าง จึงลองขยายไปยังเซ็นทรัลโคราชเป็นที่แรก พร้อมปรับรูปแบบการนำเสนอให้ดูทันสมัย ทั้งการออกแบบตกแต่งร้าน แพ็คเกจจิ้ง สีสันของแป้ง รวมถึงท็อปปิ้งที่หลากหลาย ทำให้ลูกค้าวัยรุ่นนิยมถ่ายรูปโพสต์ลงโซเชียล จนมีคนรู้จักแบรนด์มารุวาฟเฟิลอย่างแพร่หลาย

 


แฟรนไชส์มารุวาฟเฟิลมีอยู่รูปแบบเดียว คือแพ็คเกจพื้นฐานรวมอุปกรณ์ วัตถุดิบสำหรับทำขนม 300 ชิ้น ระบบหลังบ้านและการอบรม ในราคา 33,000 บาท ซึ่งไม่รวมค่าตกแต่งร้าน เนื่องจากเราต้องการทราบขนาดพื้นที่ร้านเพื่อจะได้แนะนำถึงงบประมาณการตกแต่ง เช่น โครงสร้างและการตกแต่งบนทำเลตลาดนัดจะอยู่ที่ราว 1-2 หมื่นบาท หรือหากเป็นคีออสก็จะอยู่ที่ราว 2-3 หมื่นขึ้นไป บนอายุสัญญาแฟรนไชส์ 1 ปี และไม่คิดค่าใช้จ่ายในการต่อสัญญาในปีต่อ ๆ ไป โดยจะประเมินการต่อสัญญาจากคุณภาพมาตรฐานในการผลิต และคุณภาพของการตกแต่งดูแลสภาพร้าน

 


ความโดดเด่นของมารุวาฟเฟิล แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกสำหรับลูกค้า มารุวาฟเฟิลเป็นแบรนด์อันดับต้น ๆ ของกลุ่มผู้ชื่นชอบวาฟเฟิลฮ่องกงรู้จัก ทั้งยังมีแป้งให้เลือกกว่า 5 รสชาติ ได้แก่ ซิกเนเจอร์เมนูอย่างแป้งวานิลา ช็อคโกแลต ชาโคล สตรอว์เบอร์รี โดยเฉพาะแป้งโฮลวีทที่ทำเป็นเจ้าเดียวในประเทศไทย มีความหวานลดลดจากปกติ 50 % ตอบโจทย์คนรักสุขภาพ มีไฟเบอร์สูง เวลาทานจะได้ความกรุบกรอบ ขณะเคี้ยวก็จะเจอเท็กเจอร์ในเนื้อแป้ง ซึ่งแป้งทั้งหมดจะมีกลิ่นหอม และกรอบนานถึง 20 นาที ซึ่งมากกว่าเจ้าอื่นที่จะมีความกรอบเพียง 5-10 นาที เท่านั้น และยังมีท็อปปิ้งให้เลือกอีกมากมาย เช่น ไอศกรีม ช็อกโกแลตชิพ ลูกเกด กล้วย เมล็ดมะม่วง อัลมอนด์ ฝอยทอง ฯลฯ ซึ่งเป็นความหลากหลายที่เข้ากันอย่างลงตัว ในราคาขายปลีกเริ่มต้นชิ้นละ 35 บาท โดยต้นทุนค่าวัตถุดิบอยู่ที่ 30-35 % หลังหักค่าใช้จ่ายค่าเช่าที่ ค่าพนักงาน ทำให้ผู้ที่ลงทุนจะได้กำไรประมาณ 30-40 % จึงใช้เวลาคืนทุนโดยเฉลี่ย 1-3 เดือน แต่ถ้าผู้ลงทุนมีทำเลเป็นของตนเองและทำธุรกิจด้วยตัวเอง ก็จะได้กำไรต่อเมนูสูงถึง 65-70 % เลยทีเดียว

 


ส่วนในแง่ของผู้ลงทุน มารุวาฟเฟิลเป็นแฟรนไชส์ที่เน้นจัดการระบบงานหลังบ้านที่ง่ายแต่ยังคงมีประสิทธิภาพ เนื่องจากไม่ต้องเสียเวลาเตรียมวัตถุดิบนาน เพียงเทแป้งผสมน้ำกับน้ำมันพืชแล้วคนให้เข้ากันเพียง 1 นาที ก็นำมาใช้ได้เลยทันทีโดยไม่ต้องพักแป้ง จึงหมดห่วงเรื่องการเตรียมทำแป้งล่วงหน้ารวมถึงเรื่องวัตถุดิบเสียทิ้ง ทั้งยังใช้พื้นที่ในการจัดเก็บสต็อกน้อย ส่วนการซื้อหาวัตถุดิบอื่น ๆ ผู้ลงทุนก็สามารถหาซื้อตามศูนย์การค้าใกล้บ้านได้ ทำให้ได้ต้นทุนที่ถูก ไม่ต้องแบกสต็อกมากเกินไป และยังลดค่าขนส่งอีกด้วย นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับเรื่องการตกแต่งและดีไซน์ เช่น การใช้โลโก้รูปไก่สีเหลืองเพื่อสร้างการจดจำในแบรนด์ รวมถึงความเรียบง่ายของตัวขนม ซึ่งการบริการจัดการที่ง่ายจะทำให้เราเติบโตได้ไม่ยาก แต่ในความเรียบง่ายนั้น ก็ได้มีการวางแผนไว้ทั้งหมดแล้ว

 


“การทำธุรกิจใดให้เติบโตได้นั้น นอกจากการได้รับโอกาสที่ดีแล้ว ความตั้งใจที่จะทำ ก็จะนำมาซึ่งความสำเร็จในทุกอย่าง โดยเฉพาะในแง่ของการซื้อแฟรนไชส์ ต้องบอกว่าการซื้อแฟรนไชส์ไม่ใช่การซื้อแบรนด์หรือซื้อโลโก้ไปใช้ แต่คือการซื้อประสบการณ์ ซื้อ Know-how ทั้งหมดที่เจ้าของธุรกิจได้ทำมา เพราะฉะนั้นคุณไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานมาก แต่ต้องมีความตั้งใจในการช่วยกันดูแลธุรกิจ เราเข้ามาเป็นคู่ค้ากัน ไม่ได้มีใครเป็นเจ้านายหรือลูกจ้าง เราต้องถ้อยทีถ้อยอาศัย แฟรนไชส์ซีต้องดูแลธุรกิจที่เราสร้างขึ้นมาได้ดีเท่ากับที่เราดูแล บนพื้นที่ที่เขามีความสะดวกและการบริหารจัดการได้ง่ายกว่าเรา ซึ่งต้องมาวิเคราะห์กันว่าจะจัดการทำเลให้มีประสิทธิภาพได้อย่างไร” คุณแบงค์กล่าว

 

 

 

ส่วนใครที่อยากเริ่มต้นธุรกิจ แต่ยังไม่มีเงินทุน หรือใครที่กำลังมองหาแหล่งเงินทุน ตอนนี้ทางธนาคารออมสิน ก็เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง มาเริ่มต้นธุรกิจกับแบรนด์มารุวาฟเฟิลได้ โดยสามารถติดต่อขอสินเชื่อธุรกิจแฟรนไชส์ได้ที่ธนาคารออมสินทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ สแกน QR CODE เพื่อลงทะเบียนสมัครแฟรนไชส์ พร้อมรับโปรโมชั่นสุดพิเศษ ที่ให้วงเงินกู้สูงสุดถึง 100,000 บาท ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์หรือบุคคลค้ำประกันอีกด้วย ต้องขอขอบคุณ ธนาคารออมสิน ที่สนับสนุนให้คนไทยมีอาชีพ มีรายได้