สำลักควัน! ทั่วหน้า “คลัง” ชง ครม.เคาะโครงสร้างภาษี “บุหรี่” ใหม่ คาดราคาขึ้นซองละ 6 – 8 บาท ปรับโครงสร้างภาษีใหม่เริ่ม 1 ต.ค.นี้ กรมสรรพาสามิตย้ำ ภาพรวมภาระภาษีต้องปรับขึ้น แต่จะพิจารณาให้รอบด้าน
นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า กรมสรรพสามิตได้เสนอแนวทางการปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่ให้นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.การคลังพิจารณาแล้ว หลังจากนี้คาดว่านายอาคมจะนำเรื่องการปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่เสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบภายในเดือนนี้ เนื่องจากว่าโครงสร้างภาษีใหม่จะต้องมีผลบังคับใช้ภายในวันที่ 1 ต.ค.2564
ทั้งนี้ ยืนยันว่ากรมสรรพสามิตได้มีการพิจารณาการปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่อย่างรอบคอบแล้ว ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ที่เคยเกิดในอดีต และตอบโจทย์ใน 4 เรื่องหลักคือ
1. ด้านสาธารณสุข
2.ด้านเกษตรกรผู้ปลูกใบยาสูบ จะต้องได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
3.ด้านรายได้ของรัฐบาลจะต้องไม่ลดลง
4.ด้านการดูแลบริหารจัดการบุหรี่เถื่อนและบุหรี่ปลอม
ภายใต้โจทย์ทั้ง 4 เรื่องนี้ โครงสร้างภาษีใหม่อาจจะไม่ใช่สิ่งที่กลุ่มผู้ค้าบุหรี่บางกลุ่มต้องการ เพราะว่ามีข้อเสนอที่สุดโต่งเกินไป
“ โดยภาพรวมภาระภาษีบุหรี่จะปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากต้องตอบโจทย์หลักทั้ง 4 เรื่องหลักดังกล่าว และกรมสรรพสามิตรู้ดีกว่าจุดยืนของแต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เป็นอย่างไร " อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าว
ทั้งนี้มีรายงานข่าวว่า กระทรวงการคลัง เตรียมนำโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่เสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในวันอังคารที่ 21 กันยายน 2564 เพื่อให้ ครม. ได้มีเวลาพิจารณาตัดสินใจ หากมีข้อปัญหาที่จะต้องเปลี่ยนแปลง หรือปรับปรุงก็จะมีเวลาพิจารณาในการประชุมครั้งต่อไปได้ทัน และให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ตุลาคม 2464
อัตราภาษีตามโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่ แม้ภาระจะไม่ปรับขึ้นจาก 20% เป็น 40% ตามกฏหมาย แต่อัตราการจัดเก็บขั้นต่ำตามมูลค่าของโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่จะมากกว่า 20% แน่นอน เบื้องต้นมีการคาดการณ์กันในตลาดผู้ค้าบุหรี่ว่า ราคาบุหรี่หลังโครงสร้างภาษีใหม่มีผลบังคับใช้ อาจจะปรับเพิ่มขึ้นซองละ 6-8 บาท ทำให้กลุ่มตลาดบุหรี่เริ่มมีการกักตุนสินค้ามานานหลายเดือนแล้ว
ขณะที่โครงสร้างภาษีบุหรี่ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน มีการเก็บตามปริมาณที่มวนละ 1.20 บาท บวกกับตามมูลค่า 20% สำหรับบุหรี่ที่ราคาขายปลีกไม่เกิน 60 บาทต่อซอง และ 40% สำหรับบุหรี่ที่ราคาขายปลีกที่ราคาเกิน 60 บาทต่อซอง ซึ่งตามกฎหมายเดิม ในวันที่ 1 ตุลาคม 2564 การเก็บภาษีบุหรี่ตามมูลค่าจะต้องเหลืออัตราเดียวที่ 40% ทุกชนิดราคาบุหรี่ แต่ทั้งผู้ค้าบุหรี่และชาวไร่ยาสูบไม่เห็นด้วย เนื่องจากจะทำให้ราคาบุหรี่ปรับขึ้นสูงอย่างมาก