เปิดมุมมองความสำเร็จกับแฟรนไชส์เครปไส้แตก ขนมหวานที่มีกลิ่นหอม แป้งบางกรอบ และมีไส้ล้นทะลักแบบจัดเต็ม ซึ่งเป็นธุรกิจที่ซื้อง่าย ขายคล่อง และยังคืนทุนไว ธุรกิจที่เต็มไปด้วยการพัฒนาสิ่งใหม่ ๆ อย่างไม่หยุดนิ่ง
คุณยุ้ย สุธิสา รับศิริเจริญ เจ้าของธุรกิจ เครปไส้แตก เล่าว่า ปัจจุบัน ทำธุรกิจแฟรนไชส์เครปไส้แตก มาแล้วกว่า 3 ปี และขยายแฟรนไชส์ไปแล้วกว่า 560 สาขา มียอดขายแป้งเครปเดือนละ 2 ล้านบาท โดยจุดเริ่มต้นเกิดจากช่วงที่เรียนจบ ได้ลองไปทำงานประจำ แล้วไม่ตอบโจทย์ความสุขของชีวิต จึงกลับมาบ้านที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ขณะไปตลาดก็ได้เห็นร้านเครปที่กินตั้งแต่เด็ก ๆ ซึ่งยังคงขายอยู่ที่เดิม จึงรู้สึกว่าธุรกิจนี้เป็นธุรกิจที่ไม่มีวันตาย และเด็กรุ่นใหม่ ๆ ก็ต่างรู้จักและนิยมรับประทาน จึงมองว่าร้านเครปเป็นอีกโอกาสในการเริ่มต้นธุรกิจ แต่ต้องนำมาต่อยอดให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคทุกช่วงวัย ทั้งเด็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่
เมื่อมองเห็นโอกาส ก็ได้ไปเรียนหลักสูตรทำเครปตามสถาบันการทำอาหารต่าง ๆ เพื่อพัฒนาสูตรแป้ง และไส้ให้มีความหลากหลายมากขึ้น และมาเปิดร้านบริเวณหน้าบ้านโดยใช้เงินทุนเริ่มต้นธุรกิจ 3,000 บาท หลังจากเปิดร้านมา 6 เดือน จนลูกค้าก็ให้การตอบรับอย่างล้นหลาม ต่อมาได้ไปเจอเพื่อน และถามเพื่อนว่าทำไมไม่มากินเครปที่ร้าน เพื่อนก็ได้ตอบมาว่าร้านเราลูกค้าเยอะ ต้องรอนานมาก จึงจุดประกายให้พัฒนาแฟรนไชส์เครปไส้แตกตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ด้วยความพยายามพัฒนาสินค้าให้ตรงตามความต้องการของลูกค้ามากที่สุด ทำให้เครปไส้แตกมีความแตกต่างจากแบรนด์อื่นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาสูตรแป้งเครปที่เน้นความกรอบนานมากถึง 10 สูตร เช่น แป้งข้าวโอ๊ตสำหรับคนรักสุขภาพ แป้งเผือกหอม วนิลา ชาโคล ชาเชียว ซึ่งสามารถเจาะกลุ่มลูกค้าได้ทุกกลุ่ม และมีไส้ให้เลือกกว่า 70 ไส้ ทั้งคาวและหวาน โดยมีไส้ที่ได้รับความนิยม ได้แก่ นูเทลล่า กล้วย ฝอยทอง น้ำพริกเผา ปลาหมึกพริกอ่างศิลา ส่วนราคาขายปลีกแบบใส่ 2 ไส้ จะเริ่มต้นที่ 29 บาท แบบ 3 ไส้ 39 บาท ไปจนถึงเครปไส้แตกหลากหลายไส้ในราคา 89 บาท ซึ่งต้นทุนต่อชิ้นอยู่ที่ 15-18 บาท
สำหรับแฟรนไชส์จะเน้นการลงทุนน้อย คืนทุนไว ซึ่งมีให้เลือกทั้งสิ้น 3 รูปแบบ โดยรูปแบบที่ 1 ราคา 29,900 บาท จะได้รับอุปกรณ์และป้ายแต่งร้าน เหมาะสำหรับคนที่มีหน้าร้านอยู่ แล้วต้องการนำเมนูเครปไปช่วยเพิ่มโอกาสการขาย เช่น ร้านเบเกอรี่ ร้านกาแฟ ฯลฯ รูปแบบที่ 2 เซ็ทเค้าน์เตอร์ขนาด 1.60 เมตร ราคา 39,900 บาท และรูปแบบที่ 3 เซ็ทซุ้ม 59,000 บาท โดยทั้ง 3 รูปแบบ จะได้รับอุปกรณ์พร้อมขายกว่า 100 รายการ และแป้ง 20 กิโลกรัม สามารถทำยอดขายได้มากกว่า 2 หมื่นบาท สิ่งที่แฟรนไชส์ซีจะต้องสั่งซื้อกับทางแบรนด์ก็คือแป้งและแพ็กเกจจิ้ง แต่ใครที่ทุนน้อย ช่วงนี้เครปไส้แตกก็ได้ออกโปรโมชั่นช่วงโควิด ราคา 18,888 บาท โดยจะได้รับอุปกรณ์จำนวนทั้งสิ้น 40 รายการ เพียงพอต่อการเปิดร้านเช่นกัน
การลงทุนเครปไส้แตกใช้เวลาคืนทุนเฉลี่ย 1 เดือน ส่วนการเทรนนิ่งก็จะสอนตั้งแต่ฝึกทำเครป เช่น การปั่นแป้ง การใช้เตา การหมุนเครปให้สวยงาม ไปจนถึงการบริหารจัดการต้นทุน การทำเดลิเวอรี่ สำหรับทำเลร้าน แนะนำให้เลือกขายบริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ เพราะส่วนใหญ่จะมีการสำรวจมาอยู่แล้วว่าเป็นทำเลที่มีศักยภาพ ซึ่งขณะนี้ เครปไส้แตกก็ได้เป็นพันธมิตรกับร้านสะดวกซื้อ CJ Express หากแฟรนไชส์ซีท่านใดสนใจทำเลหน้าร้าน CJ Express สาขาไหน ทางแบรนด์ก็จะติดต่อและดำเนินการให้
เคล็ดลับความสำเร็จของเครปไส้แตก คือความจริงใจ ความใส่ใจลูกค้า เอาใจเขามาใส่ใจเรา เน้นทำธุรกิจด้วยความโปร่งใส ยุติธรรม ดูแลแนะนำลูกค้าอย่างตรงไปตรงมา และส่งมอบแต่สิ่งดี ๆ ให้กับลูกค้าอยู่เสมอ สำหรับใครที่สนใจอยากลงทุนธุรกิจอาหารมาแรงอย่างเครปใส้แตก ทางแบรนด์ก็พร้อมช่วยเหลือผู้ลงทุนในทุกขั้นตอน เพื่อให้สามารถเติบโตไปพร้อมกันได้จริง
ส่วนใครที่อยากเริ่มต้นธุรกิจ แต่ยังไม่มีเงินทุน หรือใครที่กำลังมองหาแหล่งเงินทุน ตอนนี้ทางธนาคารออมสิน ก็เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง มาเริ่มต้นธุรกิจกับแบรนด์เครปไส้แตกได้ โดยสามารถติดต่อขอสินเชื่อธุรกิจแฟรนไชส์ได้ที่ธนาคารออมสินทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ สแกน QR CODE เพื่อลงทะเบียนสมัครแฟรนไชส์ พร้อมรับโปรโมชั่นสุดพิเศษ ที่ให้วงเงินกู้สูงสุดถึง 100,000 บาท ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์หรือบุคคลค้ำประกันอีกด้วย ต้องขอขอบคุณ ธนาคารออมสิน ที่สนับสนุนให้คนไทยมีอาชีพ มีรายได้
