ด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน การรักษากระแสเงินสดในธุรกิจทำได้ยากขึ้น หลายธุรกิจต่างต้องพยายามหาทางออกด้วยวิธีมากมาย ทั้งการลดต้นทุน การเพิ่มช่องทางการตลาด โดยเฉพาะการมองหาพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ ซึ่ง Bartercard (บาร์เทอร์คาร์ด) ถือเป็นอีกพาร์ทเนอร์ที่มีศักยภาพ ที่จะช่วยให้ SMEs สามารถเก็บกระแสเงินสดไว้ใช้กับสิ่งจำเป็นมากที่สุด ส่วนค่าใช้จ่ายด้านอื่นๆ ที่จะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจให้รอดพ้นจากวิกฤติ สามารถเปลี่ยนมาใช้จ่ายผ่านการแลกเปลี่ยน หรือการบาร์เทอร์แทน

คุณเรวดี วัฏฏานุรักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บาร์เทอร์คาร์ด (ประเทศไทย) จำกัด เล่าว่า การแลกเปลี่ยนสินค้า-บริการโดยตรง ของบริษัทขนาดใหญ่จะทำได้ง่ายกว่า เพราะมีอำนาจการต่อรอง แต่สำหรับธุรกิจ SMEs การจะแลกเปลี่ยนกันเองไม่ใช่เรื่องง่าย บวกกับ SMEs ส่วนใหญ่ก็ยังไม่มีบุคลากร หรือระบบมารองรับและชี้วัดผลในส่วนนี้ ทำให้ Bartercard เข้ามาเป็นคนกลาง และเป็นอีกเครื่องมือสำคัญที่ช่วยสร้างประโยชน์ให้ผู้ประกอบการได้ไปเจอพาร์ทเนอร์ด้านต่างๆ

Bartercard เครื่องมือเพื่อช่วยให้อยู่รอด และต่อยอดการเติบโตในทุกวิกฤติ

คุณเรวดี เล่าต่อว่า Bartercard ก่อตั้งเมื่อปี 1991 ที่ประเทศออสเตรเลีย ส่วนในประเทศไทยได้ดำเนินธุรกิจมาตั้งแต่ปี 1997 หรือกว่า 24 ปี เป็นบริษัท International Trade Exchange หนึ่งในผู้ให้บริการการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการแบบ B2B ที่ใหญ่ที่สุด โดยผู้ใช้บริการจะได้รับประโยชน์สูงสุด 3 ด้าน คือ

ลดค่าใช้จ่าย: ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถซื้อสินค้า-บริการ ที่จำเป็นต้องใช้ในธุรกิจ โดยไม่ต้องจ่ายเงินสด จึงช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ทันที

เพิ่มยอดขาย: เนื่องจากการแลกเปลี่ยนสินค้า-บริการ จะถูกส่งต่อไปยังลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ที่ธุรกิจไม่เคยมีมาก่อน จึงเกิดเป็นโอกาสการสร้างการรับรู้ในแบรนด์ไปยังลูกค้ารายใหม่ได้มากขึ้น

ได้พันธมิตรทางธุรกิจเพิ่มขึ้น: Bartercard เป็นแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาสำหรับลูกค้า B2B โดยเฉพาะ การที่ผู้ประกอบการได้พาร์ทเนอร์เพิ่ม ก็จะช่วยให้เกิดการต่อยอดธุรกิจร่วมกันได้อีกมากมาย เช่น การแบ่งปันประสบการณ์ทางธุรกิจ การแบ่งปันเทคนิคการทำงาน การร่วมกันทำโปรโมชั่นทางการตลาด หรือแม้แต่การร่วมกันพัฒนาสินค้า-บริการ ใหม่ๆ

สมัครปุ๊บ รับที่ปรึกษาส่วนตัว การันตีช่วยเพิ่มยอดขายและลดค่าใช้จ่าย 10 - 15%

สำหรับ SMEs ที่ต้องการใช้ Bartercard เป็นเครื่องมือลดค่าใช้จ่าย เพิ่มยอดขาย และสร้างพันธมิตรทางธุรกิจ และยังมีกำลังผลิตที่เหลือพอจะรับลูกค้าเพิ่มได้ ธุรกิจนั้นควรมีกำไรสุทธิมากกว่า 20% หรือ ยอดขายไม่ต่ำกว่า 100,000 บาทต่อเดือน โดยผู้ประกอบการสามารถเลือกสมัครแพ็คเกจ ราคาตั้งแต่ 18,000 - 50,000 บาท ซึ่งเป็นการจ่ายค่าแรกเข้าครั้งเดียว และจะได้รับวงเงินปลอดดอกเบี้ย 50,000 - 200,000 เทรดบาท ให้เริ่มใช้ได้ทันที พร้อมการรับประกันยอดขาย 100%

เมื่อทำการซื้อแพ็คเกจแล้ว ทางบริษัทฯ จะแต่งตั้งผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ (Business Development Manager) เข้าไปดูแลลูกค้าเฉพาะรายนั้นๆ เพื่อวางแผนการทำงานร่วมกันให้ลูกค้าได้รับประโยชน์สูงสุด ทั้งการเพิ่มยอดขายจากเดิม 10 - 15% ลดค่าใช้จ่ายลงให้ได้ 10 - 50% พร้อมทำการจัดเก็บฐานข้อมูลบนออนไลน์ให้กับลูกค้า และเมื่อ Bartercard มุ่งมั่นพยายามให้ Mission ที่ผู้ประกอบการต้องการเกิดการซื้อขาย และบรรลุตามเป้าหมายได้ Bartercard จะคิดค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมเป็นเงินสด 6.5% และอีก 1% เป็นเทรดบาท

หลอมรวมพาร์ทเนอร์ทั่วโลก มาช่วยแบ่งปันศักยภาพสู่การเติบโต

ด้วยประสบการณ์ที่ยาวนาน ทำให้ Bartercard มีผู้ประกอบการในประเทศไทยถือบัตรกว่า 3,000 ธุรกิจ และกว่า 35,000 ธุรกิจทั่วโลก ผ่านการทำงานเชื่อมโยงกันทั่วโลก ผู้ประกอบการไทยสามารถแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างกันได้ทั้งกับธุรกิจในไทยและทั่วโลก นอกจากนี้ Bartercard ยังเป็นสมาชิกหลักของสมาคมการค้าแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ The International Reciprocal Trade Association (IRTA) จึงมั่นใจได้ในเรื่องมาตรฐานการทำงาน และยังมีการแบ่งปันเครื่องมือทางเทคโนโลยีใหม่ๆ ร่วมกันกับสมาชิกของสมาคมฯ เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการมีโอกาสมากขึ้น โดยที่ผ่านมาได้มีส่วนช่วยขับเคลื่อนผู้ประกอบการไทยมาแล้วมากมาย

ยกตัวอย่าง CityFresh Fruit บริษัทขายผลไม้นำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งเน้นรูปแบบการขายส่งแบบ B2B และมักเจอปัญหาเรื่องการแข่งกันจากผู้ประกอบการรายอื่นๆ ต่อมาจึงต้องการขยายตลาดไปยังผู้บริโภคแบบ B2C ทำให้ต้องทุ่มเงินลงทุนการตลาดเพื่อสร้างการรับรู้ในแบรนด์ไปยังกลุ่มผู้บริโภคปลายน้ำ เมื่อมาเจอกับ Bartercard บริษัทจึงได้บอกความต้องการให้รับรู้ เมื่อรู้แล้วว่าต้องการแลกเปลี่ยนสินค้ากับป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ Bartercard ก็จะทำการค้นหาพาร์ทเนอร์ พร้อมเป็นคนกลางในการเสนอผลประโยชน์การแลกเปลี่ยนร่วมกัน พร้อมนำผลไม้ตามจำนวนมาแลกเปลี่ยนเป็นค่าทำโฆษณาบนบิลบอร์ดขนาดใหญ่ ซึ่งมีมูลค่าหลักแสนบาท โดยสรุปผลประโยชน์ที่ CityFresh Fruit ได้รับดังนี้

• ช่วยให้ CityFresh Fruit ไม่ต้องใช้เงินสด มาทุ่มให้การทำโฆษณาหลักแสน
• มีโอกาสรักษากระแสเงินสดเพิ่มมากขึ้น จึงช่วยลดความเสี่ยง
• ช่วยระบายสินค้าคงคลังส่วนเกิน ลดของเสียทิ้งที่ขายไม่หมด
• ช่วยเพิ่มยอดขายให้ธุรกิจจากการแลกเปลี่ยนสินค้าในราคาเต็ม แต่จ่ายจริงในราคาต้นทุน
• ช่วยสร้างโอกาสได้กลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ทั้งจากการทำโฆษณาบนบิลบอร์ด และผลไม้ที่ผู้แลกเปลี่ยนได้จัดส่งไปยังที่ต่างๆ

เทรนด์การร่วมมือทางธุรกิจในอนาคต หัวใจสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน

ด้วยการทำธุรกิจยุคนี้ การมองหาพาร์ทเนอร์เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนธุรกิจเป็นสิ่งสำคัญมาก เห็นได้จากการเติบโตสูงขึ้นของการจับคู่ทางธุรกิจรูปแบบต่างๆ ซึ่งการบาร์เทอร์สินค้า-บริการ ก็เป็นอีกรูปแบบการทำธุรกิจที่เต็มไปด้วยโอกาสมากมาย อย่างในต่างประเทศการแลกเปลี่ยนสินค้าแบบ B2B ก็เติบโตต่อเนื่อง และมีผู้ให้บริการหลายราย ซึ่ง Bartercard เป็นบริษัท International Trade Exchange ที่ทำงานเชื่อมโยงกันทั่วโลก จึงเป็นอีกช่องทางที่จะช่วยขับเคลื่อนให้ผู้ประกอบการไทยอยู่รอดและก้าวต่อได้อย่างยั่งยืน

“การทำธุรกิจยุคนี้ เริ่มต้นได้ง่าย แต่การทำให้ธุรกิจอยู่รอดนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย บวกกับสถานการณ์ความไม่แน่นอนต่างๆ ทำให้การรักษากระแสเงินสดไว้ใช้ในสิ่งที่จำเป็นที่สุดมีความสำคัญมากต่อธุรกิจ ซึ่งการเปิดรับเครื่องมือใหม่ๆ ก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยให้ SMEs อยู่รอดและเติบโต อย่างเช่น Bartercard เป็นระบบการบาร์เทอร์ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถลดค่าใช้จ่าย เพิ่มยอดขาย และได้พันธมิตรทางธุรกิจเพิ่มขึ้น” เรวดี วัฏฏานุรักษ์

สนใจติดต่อ 02-024-1000
https://www.facebook.com/BartercardThailand/
www.bartercard.co.th