เฃื่อว่า “มนุษย์เงินเดือน” ตั้งหน้า ตั้งตารอวันเงินเดือนออก วางแผนใช้จ่าย กิน เที่ยว ช้อป จนลืมไปเลยว่าอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณหลุดพ้นจากสภาพการเงินแบบเดือนชนเดือนนั้น คือ “การออมเงิน” วันนี้ ชี้ช่องรวย จึง อยากจะมาแนะนำสูตรการบริหารการเงิน 50 - 30 - 20 ไปลองทำตามกันดู มาดูกันเลยว่าต้องทำอย่างไรบ้าง
ตัวอย่าง สูตร 50 - 30 - 20 จากเงินเดือน 20,000 บาท
- ก้อนแรก 50% คือ 10,000 บาท
เป็นเงินสำหรับใช้จ่ายประจำในแต่ละเดือน เช่น กินอยู่ ค่ากิน ค่าผ่อนรถ ผ่อนคอนโดมิเนียม จ่ายหนี้บัตรเครดิต รวมถึงให้พ่อแม่ โดยเงินก้อนนี้จะใช้จ่ายเพื่อความจำเป็น (Needs) ต่อการดำรงชีวิต ไม่ใช่เพื่อความต้องการ (Wants) ดังนั้น ก่อนตัดสินใจต้องแน่ใจว่าใช้จ่ายเพื่อความจำเป็นจริงๆ เท่านั้น
- ก้อนถัดมา 30% คือ 6,000 บาท
เป็นเงินสำหรับใช้เพื่อสร้างความสุข เช่น ทานอาหารนอกบ้าน ช้อปปิ้ง ท่องเที่ยว รวมถึงค่าใช้จ่ายเล็กๆ น้อยๆ เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ามือถือ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะเป็นเงินจ่ายเพื่อให้รางวัลกับตัวเอง แต่ควรคิดให้รอบคอบว่าเพื่อความจำเป็นจริงๆ เช่น เมื่อเดือนที่แล้วซื้อรองเท้า 1 คู่ ดังนั้น อีก 5 เดือนนับจากนี้ก็ควรงดซื้อ หรือตั้งเป้าหมายว่าจะทานอาหารนอกบ้านไม่เกินเดือนละ 2 ครั้ง เป็นต้น หากเป็นเช่นนี้จะทำให้การใช้จ่ายเงินอยู่ในงบประมาณที่วางเอาไว้
- ก้อนสุดท้าย 20% คือ 4,000 บาท
เป็นเงินเก็บออม วิธีการ คือ แบ่งเงินออกเป็นก้อนๆ ตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ เช่น 1,000 บาทเก็บเพื่อเอาไว้ใช้ยามฉุกเฉิน 1,000 บาทเพื่อเตรียมซื้อบ้าน อีก 2,000 บาทเพื่อเตรียมไว้ใช้หลังเกษียณ
หมายเหตุ : เงินเดือนที่นำมาคิดควรเป็นเงินหลังหักภาษี เงินที่สมทบเข้าในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (ถ้าเป็นข้าราชการก็เป็นเงินที่หลังหักเข้าสู่ กบข.) และหลังหักเข้ากองทุนประกันสังคม แล้วค่อยนำมาแบ่งเป็นเงิน 3 ก้อน
วิธีการแบ่งเงินก็ให้หยิบสมุดมาสักเล่มแล้วจดบันทึกบันทึกรายรับ รายจ่ายแบบที่ตัวเองเข้าใจ ซึ่งเมื่อทำไปสักระยะก็จะรู้โดยอัตโนมัติว่าในแต่ละเดือนมีรายรับ รายจ่ายเท่าไหร่ ที่สำคัญจะรู้ว่าเงินส่วนใหญ่หมดไปกับอะไร และเงินที่เก็บออม ออกดอกออกผลไปถึงไหนแล้ว
โดยส่วนใหญ่เมื่อการใช้เงินลงตัว จะพบว่าเงินก้อนแรกและก้อนใช้จ่ายเพื่อความสุขจะค่อยๆ ลดลง แสดงว่ามีวินัยในการใช้เงินและเมื่อเงินเหลือก็จะนำไปลงทุนโดยอัตโนมัติ
การแบ่งเงินในแต่ละเรื่องให้ชัดเจนจะช่วยให้วางแผนการเงินและควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น แต่ก็ควรมีความยืดหยุ่นสามารถปรับเปลี่ยนสูตรได้ตามความเหมาะสมของอายุ รายได้ ค่าใช้จ่าย ภาระหนี้สิน รวมถึงเป้าหมายทางการเงิน เช่น ช่วงอายุน้อยๆ ใช้สูตร 60 : 25 : 15, เมื่อหน้าที่การงานมั่นคง เงินเดือนสูงขึ้นก็ปรับสูตรเป็น 50 : 30 : 20 และเมื่ออายุ 50 ปี ปรับเป็นสูตร 45 : 25 : 30 เป็นต้น
เมื่อหาเงินมาได้ หากจัดสรรปันส่วนให้เหมาะสมกับชีวิตทั้งการใช้เพื่อความจำเป็น สร้างความสุขและเก็บออมเพื่อความมั่นคงในระยะยาว ย่อมทำให้มีเงินใช้ไปตลอดและเกิดความยั่งยืนกับคุณภาพชีวิต
ขอบคุณข้อมูลจาก : ธนาคารไทยพาณิชย์