“ร้านอาหาร” นอกจากเรื่องของคุณภาพและรสชาติที่เป็นปัจจัยหลักทำให้ร้านประสบความสำเร็จแล้ว ยังมีอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ คือ "ทำเล" วันนี้ ชี้ช่องรวยจะมาบอกถึงแนวทางการเลือกทำเลที่ตั้งสำหรับร้านอาหาร ซึ่งรู้หรือไม่ว่าไม่ใช่ทุกทีจะสามารถเปิดร้านได้ มาดูกันเลยดีกว่าว่าจะมีอะไรบ้าง
1.ลูกค้าของเราเป็นใคร
บางทำเลอาจมีคนเยอะก็จริงแต่ไม่ได้เหมาะกับร้านของเรา หรืออาจจะไม่ใช่กลุ่มลูกค้าที่เราค้นหา ทั้งนี้ก่อนเลือกทำเลเราต้องรู้ก่อนว่าอาหารของเหมาะกับลูกค้าประเภทไหน ทั้งในเรื่องของ ชนิดอาหาร รสชาติ และราคา ซึ่งการหาข้อมูลที่ดีที่สุด และง่ายที่สุด คือ การเข้าไปนั่งร้านอาหารที่คล้ายกับเราในบริเวณนั้น แล้วสังเกตพฤติกรรมของลูกค้าในทุกๆ ด้าน
2.ความสะดวกในการเข้าถึงร้าน
ข้อนี้ไม่ได้เจาะจงเฉพาะเรื่องที่จอดรถซึ่งสำคัญมาก ๆ เท่านั้น แต่สำหรับในบางทำเลต้องคำนึงถึงความสะดวกในการจราจรด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางมาหาของลูกค้า การมาส่งของของซัพพลายเออร์ การมารับออเดอร์ของเดลิเวอรี่ต่าง ๆ มีเรื่องของการปิดช่องจราจรเดินรถทางเดียวหรือไม่ ถ้ามีแล้วจะส่งผลกระทบถึงร้านเราได้มั้ย อะไรต่าง ๆ เหล่านี้ เราจำเป็นต้องศึกษาข้อมูลเพื่อใช้ในการเจรจาตัวเลขค่าเช่า
3.หาง่าย มองเห็นเป็นใช้ได้
แน่นอนว่าทำเลที่สังเกตเห็นได้ง่ายมักจะเป็นที่มีผู้คนพลุกพล่าย หรือบริเวณที่มีการสัญจรผ่านไปมา ซึ่งทำเลในลักษณะนี้มักจะมีราคาแพง และหาที่จอดรถยาก หากเลือกทำเลที่ต้องเข้าไปในซอย ควรติดป้ายร้านขนาดใหญ่ไว้ริมถนน เพื่อให้คนผ่านไปมารู้สึกคุ้นตา แม้วันนี้เขาอาจจะยังไม่ตัดสินใจเข้าร้าน แต่อย่างน้อย ๆ เขาก็สามารถจดจำชื่อและตำแหน่งร้านของคุณได้ไม่ยาก พูดง่ายๆ ก็เหมือนกับการทำโฆษณาแบบไม่ต้องเสียเงินนั่นแหละ
4.ขนาดของพื้นที่
การทำร้านอาหารจำเป็นต้องแบ่งสัดส่วนพื้นที่ใช้ส่อยภายในให้ชัดเจน ดังนั้นการคำนวณขนาดของพื้นที่ให้เหมาะสมไม่ว่าจะเป็น การทำครัว วางตู้เย็น ชั้นวางวัตถุดิบ รวมทั้งทำพื้นที่ออฟฟิศเล็กๆ สำหรับทำงานเอกสาร ถือเป็นสิ่งสำคัญ หรือควรมีพื้นที่ไว้สำหรับนั่งรอคิว หรือพื้นที่บาร์ก่อนเข้าด้านในร้าน ดังนั้นก่อนตัดสินใจเลือกทำเล ลองวางแผนให้ดีว่า พื้นที่เท่านี้พอแล้วจริง ๆ หรือไม่
5.คู่ค้าและคู่แข่งในพื้นที่
ก่อนจะตัดสินใจเลือกทำเลใดก็ตามควรจะดูร้านในระแวกนั้นด้วยว่ามีร้านประเภทเดียวกันมากน้อยเพียงใด หากมีร้านประเภทเดียวกันหลายร้านเราต้องกลับมาพิจารณาแล้วว่าสามารถแข่งขันกับเขาได้หรือไม่ และดูด้วยว่าร้านที่เปิดอยู่มีลูกค้ามากน้อยแค่ไหน หากมีลูกค้าจำนวนมากร้านของเราก็มีโอกาสที่จะขายได้เช่นกัน ซึ่งในการแข่งขันก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของราคา คุณภาพ และราคาค่าเช่าที่ ฉะนั้นก่อนจะลงทุนต้องมองให้ดีก่อนว่าคุ้มหรือไม่
6.คาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของทำเล
เห็นมาก็ไม่น้อยหลายร้านกำลังขายดี อยู่ ๆ ทำเลเกิดการเปลี่ยนแปลง เช่น ก่อสร้างรถไฟฟ้า สร้างถนน จากที่เคยขายดี เคยมีลูกค้าเยอะกลายเป็นไม่มีลูกค้าเข้า เรื่องนี้จึงสำคัญไม่อยากให้พลาด หาข้อมูลโครงการต่าง ๆ ที่จะมีเกี่ยวกับทำเลนั้นก่อนตัดสินใจเลือกทั้งโครงการของรัฐ ของเอกชน เช่นเช็คข่าวจากเว็บไซต์หาดูประวัติว่ามีใครพูดอะไรถึงทำเลนี้บ้างทั้งอดีต ปัจจุบัน เช็คข้อมูลจากหน่วยงานรัฐต่าง ๆ หน่วยงานท้องที่ เป็นต้น ขนาดร้านในห้างฯ แค่สลับฝั่งบันไดเลื่อนขึ้น-ลงทราฟฟิกยังเปลี่ยนเลย
7.เคลียค่าเช่าค่าใช้จ่ายให้ชัดเจน
หลายคนถึงกับถอดใจเมื่อมารู้ทีหลังว่า นอกจากค่าเช่าร้านที่ต้องจ่ายทุกเดือนแล้ว ยังมีรายจ่ายจิปาถะงอกขึ้นมาพร้อมค่าเช่าอีก โดยเฉพาะค่าส่วนกลาง ในกรณีที่เช่าร้านใต้อพาร์ทเมนต์หรือคอนโด ดังนั้น ก่อนที่จะตัดสินใจเช่าที่ใดๆ คุณควรสอบถามให้ดีเสียก่อนว่า มีค่าใช้จ่ายอะไรเพิ่มอีกไหม
8.วางแผนให้รอบคอบก่อนเซ็นสัญญา
หลายร้านตกม้าตายมานักต่อนักแล้วก่อนที่คุณจะเซ็นสัญญาเช่าพื้นที่ คุณต้องวางแผนให้ดีเสียก่อนว่า หากร้านอาหารของคุณไม่ได้ทำกำไรอย่างที่คิด คุณจะมีแผนสำรองในการจ่ายค่าเช่าให้ได้ครบตามสัญญาอย่างไร แม้จะฟังดูไม่เป็นมงคลเท่าไหร่ แต่ก็เป็นเรื่องประมาทไม่ได้เลย ทางที่ดีควรเริ่มต้นจากการเซ็นสัญญาแค่ปีหรือสองปีก่อน หากธุรกิจไปได้สวย ก็ค่อยว่ากันอีกที