กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เผย 11 เทรนด์สำคัญที่มีผลต่ออุตสาหกรรมเครื่องสำอางในจีน แนะผู้ส่งออกไทยศึกษาและใช้ประโยชน์ในการขยายตลาดเข้าสู่ตลาดจีน
นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า ล่าสุดได้รับรายงานจากทูตพาณิชย์ ณ เมืองกวางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน ถึงแนวโน้มสำคัญที่จะมีผลต่ออุตสาหกรรมเครื่องสำอางของจีน และโอกาสทางการค้า การส่งออกสินค้าเครื่องสำอางของไทยเข้าสู่ตลาดจีน ทั้งนี้ เว็บไซต์ CBN Data ได้เปิดเผย 11 แนวโน้มสำคัญที่มีผลต่ออุตสาหกรรมเครื่องสำอางจีน ได้แก่
- ความปลอดภัยในเครื่องสำอางเด็ก ตั้งแต่ 1 ม.ค.2565 คณะกรรมการอาหารและยาของจีนได้ออกข้อกำหนดในการจัดการคุณภาพการผลิตเครื่องสำอางเด็กอย่างเข้มงวด หากมีการกระทำผิด จะถูกลงโทษอย่างรุนแรง และตั้งแต่ 1 พ.ค.2565 เครื่องสำอางเด็กที่ขอขึ้นทะเบียน จะได้รับโลโก้พิเศษ Xiaojindun เพื่อการันตีคุณภาพและความปลอดภัย
- วัตถุดิบที่นำมาผลิตเครื่องสำอางทุกชนิดต้องขึ้นทะเบียน เพื่อให้สามารถติดตามที่มาของวัตถุดิบและติดตามตัวผู้ผลิต
- การแข่งขันด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (R&D) ที่หลายแบรนด์หันมาลงทุนมากขึ้น
- สินค้าเครื่องสำอางประเภทชะลอวัย (Anti-aging) มีการเติบโตเพิ่มขึ้น และมีการขึ้นทะเบียนมากที่สุดในปี 2563 เกือบ 5,000 รายการ
- น้ำหอม เครื่องสำอางสำหรับผู้ชาย ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก มีแนวโน้มเติบโต คาดว่าในปี 2568 จะมีมูลค่าถึง 5.4 แสนล้านหยวน
- การแข่งขันของอุตสาหกรรมเครื่องสำอางในตลาดจีนสูงขึ้น แบรนด์ขนาดกลางและเล็กปิดตัวลงถึง 26 กิจการในปี 2564 และปี 2565 คาดว่าจะปิดตัวน้อยลง และมีแบรนด์ใหม่ ๆ เกิดขึ้น
- การระดมทุนของอุตสาหกรรมเครื่องสำอางมีโอกาสเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
- การใช้ Virtual Influencer ในการทำกิจกรรมโปรโมตสินค้า
- การขายออนไลน์และออฟไลน์เริ่มชะลอตัว
- Douyin ยังคงเป็นช่องทางการทำการตลาดหลักของเครื่องสำอาง และในปัจจุบันแพลตฟอร์ม Douyin มีร้านค้าบนแพลตฟอร์มกว่า 600 ล้านร้านค้า
- แบรนด์หันมาจัดไลฟ์สดเอง แทนการจ้าง KOL
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการจะต้องคำนึงถึงคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้า อีกทั้งยังต้องศึกษาขั้นตอนการขออนุญาตนำเข้าเครื่องสำอางในจีนอย่างละเอียดถี่ถ้วน เพื่อลดอุปสรรคในการนำเข้าสินค้าสู่ประเทศจีน